โรคราน้ำค้าง (Downy mildew) เกิดจากการเข้าทำลายของเชื้อรา
Pseudoperonosporacubensisอาการเริ่มแรกจะอยู่ที่ใบด้านล่างของต้น
บนใบจะมีแผลฉ่ำน้ำ แล้วแผลจะขยายลุกลาม
ทำให้เห็นแผลเหลี่ยมเล็กเปลี่ยนเป็นสีเหลือง ถ้าตอนเช้าอากาศมีความชื้นสูง
จะพบเส้นใยของเชื้อราเป็นขุยสีขาวถึงเทาตรงแผลใต้ จะพบพืชมีอาการของโรคมากช่วงที่มีความชื้นในอากาศสูง
อากาศหนาว มีน้ำค้างลงจัด และฝนตกชุก แพร่ระบาดมากในหน้าฝนและหนาว
สามารถแพร่ระบาดได้ดีโดย น้ำ ลม ติดไปกับแมลง สัตว์ เครื่องมือการเกษตรและมนุษย์
เช่น ด้วงเต่าแตง
ถ้าอาการรุนแรงจะทำให้ใบแห้งและเหี่ยวและอาจจะทำให้เถาแตงเหี่ยวตายหมดทั้งเถาได้ในเวลาที่อากาศชื้นในตอนเช้าแต่เกษตรกรผู้ปลูกพืชตระกูลแตงไม่ต้องถึงกับกุมขมับเครียดจนเกินไป
ผู้เขียนได้มีวิธีพิชิตโรคราน้ำค้างมาช่วยแนะนำ วิธีการป้องกันโรคราน้ำค้างสิ่งแรกที่ต้องทำคือสำรวจแปลงอย่างสม่ำเสมอ
อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้งเก็บใบหรือส่วนที่เกิดโรค นำไปเผาทำลายให้ไกลจากแปลง
หลังจากนั้นให้ใช้ฟังก์กัสเคลียร์ 1.0-2.5 กรัม (หรือ ประมาณ
1ช้อนชา ) แซนโธไนท์2 ซีซี ต่อ น้ำ 20
ลิตรคนให้ละลายเข้ากัน นำไปฉีดพ่นให้ทั่วแปลงทั้งบนใบ และ ใต้ใบ
ให้เปียกชุ่มโชกช่วงเช้าตรูก่อนแดดออก หลังฝนตกฟ้าครึ้มอากาศปิด หรือ
ช่วงตอนเย็นแดดอ่อน เพื่อทำลายหรือล้างสปอร์โรคราน้ำค้างหลังล้างใบพืชแล้วควรฉีดพ่นน้ำส้มควันไม้
ในอัตรา 10 ซีซี ต่อน้ำเปล่า 20 ลิตร
ฉีดพ่นจากบนลงล่าง คลุมให้ทั่วทรงพุ่มของพืช ทุกๆ 7-10 วัน จากนั้นให้ฉีด
ใช้ไบโอเซ็นเซอร์(บาซิลลัส ซับทิลิส)กับอินดิวเซอร์(ไตรโคเดอร์ม่า) 50กรัม ต่อน้ำ20ลิตรฉีดพ่นให้ทั่วทั้งแปลงทั้งใต้ใบและบนใบ
ติดต่อกัน 3-4 ครั้ง หรือฉีดพ่นทุก ๆ 5-7 วัน/ครั้งควบคุมและกำจัดไม่ให้โรคราน้ำค้างไบโอเซ็นเซอร์(บาซิลลัส
ซับทิลิส)กับอินดิวเซอร์(ไตรโคเดอร์ม่า)ยังทำหน้าที่เสมือนทหารยามที่ค่อยเฝ้าระวังไม่ให้เชื้อรากลับเขามาอีกผู้เขียนเชื่อว่าเมื่อปฏิบัติเป็นประจำแล้วจะไม่มีปัญหาเรื่องโรคราน้ำค้างมารบกวนหรือลดน้อยลงอย่างแน่นอน
บรรเจิด ยิ่งวงษ์
ชมรมเกษตรปลอดสารพิษ www.thaigreenagro.com