โรคพืชที่สำคัญในทุเรียน ที่เกษตรกรทุกคนต้องรู้
โรคพืชที่สำคัญในทุเรียน ที่เกษตรกรทุกคนต้องรู้ และต้องระวังไม่ให้เกิดการระบาดในสวนทุเรียน มีดังนี้
1. โรครากเน่าโคนเน่า (Root and Foot Rot)
สาเหตุ : เชื้อราไฟทอฟธอร่า (Phytophthora palmovora (Butler) Butler)
ลักษณะอาการ
เกิดอาการเน่าที่โคนต้นหรือกิ่ง จะสังเกตเห็นผิวเปลือกของลำต้นหรือกิ่งคล้ายมีคราบน้ำเกาะติด เห็นได้ชัดในสภาพที่ต้นทุเรียนแห้ง ในช่วงเช้าที่มีอากาศชุ่มชื้นจะมองเห็นหยดน้ำยางสีน้ำตาลแดงไหล ออกมาจากรอยแผลแตกของลำต้นหรือกิ่ง และน้ำยางนี้จะค่อยๆ แห้งไปในช่วงกลางวันที่มีแดดจัด ทำให้เห็นเป็นคราบน้ำจับบนเปลือกของลำต้น เมื่อถากเปลือกของลำต้นบริเวณที่มีคราบน้ำยาง จะเห็นเนื้อเยื่อ เปลือกถูกทำลายมีสีน้ำตาลแดง หรือน้ำตาลเข้ม ส่วนอาการเน่าที่เกิดกับรากเล็กหรือรากฝอยนั้น เนื้อเยื่อ รากจะเปื่อยยุ่ย เมื่อดึงเบาๆ จะขาดออกจากกันได้ง่าย ส่วนอาการที่ใบ ใบจะไม่เป็นมันสดใสเหมือนใบทุเรียนปกติ ต่อมาใบล่างๆ จะเริ่มเป็นจุดประเหลืองแล้วค่อยๆ หลุด ร่วงไป ต้นทรุดโทรมและตาย
การแพร่ระบาด
เชื้อราไฟทอปธอร่าจะพักตัวในดิน เมื่อสภาพแวดล้อมเหมาะสม คือ น้ำและความชื้นเพียงพอก็สามารถงอกเป็นเส้นใยสร้างอวัยวะขยายพันธุ์ ซึ่งจะเคลื่อนที่ไปตามน้ำเข้าทำลายรากพืช นอกจากนี้เชื้อรายังแพร่ระบาดได้โดยลม และน้ำท่วมหรือติดไปกับดินปลูก กิ่งพันธุ์ได้
การป้องกันกำจัด
· เก็บชิ้นส่วนของเปลือกหรือผลที่เน่าร่วงหล่นออกนอกแปลง แล้วทำการเผาทำลายถากส่วนที่เป็น โรคออกให้หมดจนถึงเนื้อไม้แล้วทารอยแผลด้วยปูน หรือใช้ อินดิวเซอร์ ( ไตรโคเดอร์ม่า ) ป้องกันกำจัดโรคพืช
· ถากเนื้อเยื่อบริเวณที่เป็นโรคออกบาง ๆ แล้วใช้ภูไมท์ซัลเฟต(เหลือง) ปริมาณ 100 กรัม ผสมกับน้ำ 15 ลิตร และฉีดพ่นไปที่เนื้อเยื่อจะช่วยส่งเสริมในเรื่องการดูดซึมเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุโรคพืช เนื่องจากมีธาตุซิลิก้าที่จะเข้าไปช่วยดูดซับเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา และไวรัส และยังช่วยเสริมสร้างให้เซลล์พืชมีความแข็งแรงขึ้นได้อย่างรวดเร็ว
· ลดปริมาณเชื้อราในดินโดยการใส่จุลินทรีย์ปฏิปักษ์ใส่ในดิน เช่น เชื้อราไตรโคเดอมา (Trichoderma sp.)
2. โรคใบติด หรือใบไหม้
สาเหตุ : เชื้อราไรซอกโทเนีย (Rhizoctonia sp.)
ลักษณะอาการ
พบแผลคล้ายน้ำร้อนลวกบนใบ บริเวณกลางใบหรือขอบใบ ต่อมาแผลขยายตัวลุกลามและ เปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล ขนาดและรูปร่างแผลไม่แน่นอนเชื้อราจะแพร่ไปยังใบอื่นที่ติดกันโดยการสร้างเส้นใย ของเชื้อรายึดใบให้ติดกัน ทำให้เกิดอาการใบแห้งเป็นหย่อม ๆ และใบจะค่อย ๆ ร่วงหล่นลงยังโคนต้นเหลือแต่กิ่ง ซึ่งต่อมาจะค่อย ๆ แห้ง ทำให้ต้นทุเรียนเสียรูปทรง และมีการเจริญเติบโตที่ไม่สมบูรณ์
การแพร่ระบาด
เชื้อราสามารถพักตัวอยู่ในดินได้เป็นเวลานาน โดยอาศัยเศษซากพืช และแพร่ระบาดเข้าทำลายพืช ระยะใบอ่อน โดยเฉพาะในช่วงในตกชุก
การป้องกันกำจัด
· ตัดแต่งกิ่งทุเรียนให้เหมาะสม โดยให้มีความชื้นในทรงพุ่มไม่เหมาะต่อการเข้าทำลายของเชื้อโรค
· ในช่วงทุเรียนแตกใบอ่อนควรหมั่นสำรวจอาการของโรค หากพบโรคควรตัดกิ่งที่เป็นโรคออก และรวบรวมเศษใบที่เป็นโรคร่วงหล่นอยู่บริเวณโคนต้น แล้วนำไปเผาทำลายเพื่อลดปริมาณเชื้อโรคในแปลงปลูกให้น้อยลง
· ลดปริมาณเชื้อราในดินโดยการใส่จุลินทรีย์ปฏิปักษ์ใส่ในดิน เช่น เชื้อราไตรโคเดอมา (Trichoderma sp.)
· ในแปลงปลูกที่ความชื้นสูง และมีการระบาดของโรคเป็นประจำ ควรใส่ปุ๋ยที่มีไนโตรเจนต่ำ เพื่อ ลดความอุดมสมบูรณ์ของการแตกใบ
3. โรคแอนแทรคโนส
สาเหตุ : เชื้อราคอลเลโตตริคัม (Colletotrichum gloeosporiodes)
ลักษณะอาการ
ลักษณะอาการคล้ายโรคใบติด โดยใบจะไหม้เป็นสีน้ำตาล มักเกิดตามบริเวณขอบใบหรือกลางใบ บริเวณเนื้อใบที่ไหม้จะเป็นสีน้ำตาลอ่อน ขอบของแผลจะเป็นสีน้ำตาลเข้มล้อมรอบแผล เนื้อใบที่ถูกทำลาย จะมองดูโปร่งใส การเกิดโรคมักจะกระจายไปทั่วทั้งต้น ไม่เหมือนโรคใบติดที่มักพบกระจายเป็นหย่อมๆ โรคนี้พบได้ทั้งในช่วงฤดูฝนและฤดูแล้ง แต่มองเห็นอาการได้ชัดเจนในช่วงฤดูแล้ง ซึ่งเป็นระยะที่ทุเรียนกำลัง ออกดอกติดผล
การแพร่ระบาด
มักพบในทุเรียนพันธุ์ชะนี ในพันธุ์หมอนทองพบอาการระบาดบ้างแต่ไม่รุนแรง โดยเชื้อจะแพร่ ระบาดไปตามลมเข้าทำลายพืชเมื่อสภาพแวดล้อมเหมาะสม
การป้องกันกำจัด
· ดูแลต้นทุเรียนให้มีความแข็งแรงโดยการให้น้ำ และธาตุอาหารที่เหมาะสมและเพียงพอ โดยเฉพาะในช่วงติดผลของทุเรียน
· ลดปริมาณเชื้อราและกำจัดเชื้อราทางใบโดยการใส่จุลินทรีย์ปฏิปักษ์ฉีดพ่นทุก 7 วัน เช่น เชื้อแบคทีเรียบาซิลลัสซับทิลิส (Bacillus sp.)
4. ราสีชมพู (Pink Disease)
สาเหตุ : เชื้อราคอร์ทีเซียม (Corticium salmonicolor)
ลักษณะอาการ
จะเห็นอาการใบเหลืองร่วงเป็นหย่อมๆ คล้ายอาการกิ่งแห้ง หรือโคนเน่า ที่เกิดจากเชื้อราไฟทอฟธอรา แต่หากสังเกตตามกิ่งด้านในของทรงพุ่มจะเห็นเส้นใยของเชื้อราสีขาวปกคลุม โคนกิ่งที่แสดงอาการ เมื่อเชื้อเจริญลุกลามและมีอายุมากขึ้น เส้นใยขาวจะค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีชมพู ซึ่งเป็น ช่วงเวลาที่เชื้อราสร้างส่วนขยายพันธุ์เพื่อการระบาดไปยังต้นอื่น ๆ ต่อไป เมื่อถากส่วนของกิ่งที่มีเชื้อรา ปกคลุมอยู่จะเห็นเนื้อเปลือกแห้งเป็นสีน้ำตาล
การแพร่ระบาด แพร่ระบาดมากในสภาพความชื้นสูง
การป้องกันกำจัด
· ควรทำการตัดแต่งกิ่งต้นทุเรียนให้มีทรงพุ่มโปร่งพอสมควร เพื่อให้อากาศถ่ายเทได้
· ตัดกิ่งส่วนที่เป็นโรคออก แล้วนำไปเผาทำลาย แล้วทาด้วยภูไมท์ซัลเฟตเหลืองผสมกับซิลิสิค แอซิด
· เมื่อพบเชื้อราเริ่มเข้าทำลายตามกิ่งที่มีขนาดใหญ่ ควรใช้มีดขูดเปลือกกิ่งออกบาง ๆ แล้วฉีดพ่นด้วยภูไมท์ซัลเฟตเหลืองพร้อมกับใช้โรยโคนต้น
5. โรคราแป้ง (Powdery Mildew)
สาเหตุ : เชื้อราออยเดียม (Oidium sp.)
ลักษณะอาการ
เชื้อราสีขาวมีลักษณะคล้ายฝุ่นแป้งปกคลุมผิวเปลือกทุเรียน เชื้อสามารถเข้าทำลายผล ทุเรียนได้ตั้งแต่เริ่มติดผลอ่อนจนกระทั่งผลแก่จำหน่ายได้ ซึ่งการเข้าทำลายของเชื้อในระยะติดผลใหม่ๆ ก็อาจจะทำให้ผลอ่อนนั้นร่วงหล่นได้ หรือถ้าเป็นกับผลที่กำลังเจริญเติบโตก็จะทำให้สีผิวของทุเรียนผิดปกติ ไม่เป็นที่ต้องการของตลาดและผู้บริโภค นอกจากนี้ยังทำให้ราคาผลผลิตตกต่ำลง
การแพร่ระบาด เชื้อราแพร่ระบาดทางลมในระยะที่อากาศเย็นและแห้งแล้ง
การป้องกันกำจัด
· ในแหล่งปลูกที่สภาพแวดล้อมเอื้ออำนวยต่อการระบาดของโรค เกษตรกรควรตรวจตราผล ทุเรียนในแปลงปลูกอย่างสม่ำเสมอ
· ลดปริมาณเชื้อราและกำจัดเชื้อราทางใบโดยการใส่จุลินทรีย์ปฏิปักษ์ฉีดพ่นทุก 7 วัน เช่น เชื้อแบคทีเรียบาซิลลัสซับทิลิส (Bacillus sp.)
· ลดปริมาณเชื้อราในดินโดยการใส่จุลินทรีย์ปฏิปักษ์ใส่ในดิน เช่น เชื้อราไตรโคเดอมา (Trichoderma sp.)
· ใส่ภูไมท์ซัลเฟตเหลืองโรยรอบโคนต้นและละลายน้ำฉีดพ่นทางใบและทุกส่วนของลำต้นในปริมาณ 100-200 กรัม ต่อ น้ำ 20 ลิตร
6. โรคราดำ (Sooty Mold)
ลักษณะอาการ
ผลทุเรียนมีราสีดำเจริญเป็นจุด ๆ หรือปกคลุมกระจายทั่วผล จุดมักรวมตัวกันทำให้เห็นเป็นปื้นดำ ทำให้ผิวผลทุเรียนไม่สะอาด และมีราคาตกต่ำลง
การแพร่ระบาด
มักพบแมลงจำพวกเพลี้ยหอย เพลี้ยแป้ง มีการขับถ่ายสารเหนียวๆ ลงบนผล ซึ่งเป็นอาหารของราดำ และมักพบราดำในสภาพความชื้นสูง โดยพบกับต้นทุเรียนที่มีพุ่มแน่นทึบ
การป้องกันกำจัด
· ควบคุมการแพร่ระบาดของเพลี้ยด้วยจุลินทรีย์บิวเวเรียหรือชีวภัณฑ์กำจัดแมลง "บูเวเรีย" อัตรา 50 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร
· พ่นสารป้องกันเชื้อราและแมลงฉีดซิลิสิค แอซิด อัตรา 10-20 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร
7. โรคผลเน่า (Fruit Rot)
สาเหตุ : เชื้อราไฟทอฟธอร่า (Phytophthora palmovora (Butler) Butler)
ลักษณะอาการ
บริเวณปลายผล หรือก้นผลมักพบจุดช้ำสีน้ำตาลปนเทา ต่อมาขยายเป็นวงกลมหรือค่อนข้างรี ไปตามรูปร่างผล แผลดังกล่าวอาจพบได้ตั้งแต่ผลยังคงอยู่บนต้น แต่ส่วนใหญ่มักพบเกิดกับผลในช่วง ประมาณ 1 เดือน ก่อนเก็บเกี่ยวจนกระทั่งเก็บเกี่ยว และในระหว่างบ่มผลให้สุก
การแพร่ระบาด
เชื้อราสามารถเข้าทำลายผลทุเรียนได้ตั้งแต่ระยะผลอ่อนจนกระทั่งแก่ โดยเฉพาะเมื่อผลใกล้แก่ จะเป็นช่วงต้นฤดูฝนซึ่งมักจะเกิดลมพายุฝนพัดพาเอาเชื้อที่ติดอยู่กับดินขึ้นไปเกาะติดบนผลทุเรียนที่ติดอยู่ บนต้น และเข้าทำลายทำให้เกิดแผลเน่าได้
การป้องกันกำจัด
· ทำการป้องกันกำจัดโรครากเน่าโคนเน่าที่เกิดกับต้นทุเรียนในแปลงปลูกเสียตั้งแต่ในช่วงฤดูฝน เศษชิ้นส่วนพืชที่เป็นโรคจะต้องเก็บออกนอกแปลงแล้วนำไปเผาทำลายเพื่อลดปริมาณเชื้อโรคในแปลงปลูก
· ใช้ภูไมท์ซัลเฟต(เหลือง) ปริมาณ 100 กรัม ผสมกับน้ำ 15 ลิตร และฉีดพ่นไปที่เนื้อเยื่อจะช่วยส่งเสริมในเรื่องการดูดซึมเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุโรคพืช เนื่องจากมีธาตุซิลิก้าที่จะเข้าไปช่วยดูดซับเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา และไวรัส และยังช่วยเสริมสร้างให้เซลล์พืชมีความแข็งแรงขึ้นได้อย่างรวดเร็ว
· ในแปลงปลูกที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคผลเน่าสูง อันเนื่องมาจากมีต้นที่เป็นโรครากเน่าโคนเน่า ในแปลงมาก และมีฝนตกชุกในช่วงใกล้เก็บเกี่ยวผล
· การเก็บเกี่ยวทุเรียนต้องระมัดระวังไม่ให้ผลทุเรียนสัมผัสกับดิน โดยใช้ตะกร้าพลาสติก หรือเข่ง หรือปูพื้นดินที่จะวางผลทุเรียนด้วยกระสอบที่สะอาด เพื่อลดโอกาสที่ผลจะสัมผัสกับดิน และการขนย้ายจะต้องระมัดระวังบาดแผลบนผลที่อาจเกิดจากหนามทิ่มแทงกัน
นางสาว คนึงนิจ หอมหวล
ตำแหน่งนักวิชาการเกษตร บริษัทไทยกรีนอะโกร จำกัด