ปลานิลเป็นปลาที่นิยมเลี้ยงในเชิงพาณิชย์และการเจริญเติบโตของปลานิลขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น อัตราการปล่อย การใช้อาหาร % โปรตีนของอาหาร รวมถึงอุณหภูมิของน้ำ ถ้าเราเข้าใจธรรมชาติของอุณหภูมิของน้ำก็จะสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการเลี้ยงและลดความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในอนาคต
อุณหภูมิที่เหมาะสมสำหรับปลานิล
• ระบุช่วงอุณหภูมิที่ปลานิลกินอาหารได้ดีที่สุด เช่น 25-32°C
• ช่วงที่ต่ำกว่า 20°C หรือสูงกว่า 35°C อาจทำให้ปลานิลกินอาหารลดลงหรือหยุดกินอาหาร
ผลกระทบของอุณหภูมิที่ต่ำ/สูงเกินไป
• อุณหภูมิต่ำ (<20°C):
เมแทบอลิซึม(กระบวนการย่อยอาหาร) ของปลาลดลง
การเคลื่อนไหวช้าลง และการกินอาหารลดลง
ควรระวังเรื่องอาหารที่ปลากินไม่หมดจะวนกลับมาเป็นของเสียในบ่อ
• อุณหภูมิสูง (>35°C):
การหายใจเร็วขึ้น แต่กินอาหารลดลงเพราะเครียดจากความร้อน
เสี่ยงต่อการขาดออกซิเจนในน้ำ
ควรเติมอากาศลงไปในบ่อ
เทคนิคการจัดการอุณหภูมิในบ่อเลี้ยง
• การปรับระดับน้ำให้เหมาะสม เช่น การเติมระดับให้มากขึ้นในช่วงหน้าร้อน
• การใช้ร่มเงา หรือสแลนกันแดดคลุมกระชังเพื่อลดการเพิ่มของอุณหภูมิ
• ติดตั้งระบบเติมอากาศเพื่อเพิ่มออกซิเจนในน้ำ
สรุปว่าอุณหภูมิของน้ำมีผลโดยตรงต่อการกินอาหารและสุขภาพของปลานิลแนะนำให้เกษตรกรทำความเข้าใจเรื่องอุณหภูมิในบ่อ น้ำในบ่อและวิธีจัดการที่ต่างกันเพื่อเพิ่มผลผลิตและลดความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โดยวิธีจัดการบ่อตั้งแต่เริ่มต้นเพื่อสร้างระบบนิเวศในบ่อให้มีความสะอาดและปลามีสุขภาพที่ดี โดยเริ่มจากการเตรียมพื้นบ่อโดยใช้สเม็คไทต์ 20 กิโลกรัมต่อพื้นที่ 1 ไร่ ตากบ่อให้แห้งประมาณ 1 สัปดาห์ ก่อนปล่อยน้ำเข้า และหลังจากนั้นสามารถใส่สเม็คไทต์ทุก 15 วันครั้ง หรือ 1 เดือนใส่ 1 ครั้งก็ได้จะสามารถช่วยให้บ่อปลานิลไม่มีกลิ่นเหม็น น้ำเน่าเสีย และลดการเกิดน้ำเขียว ข้น หนืด ในบ่อส่งผลให้ระบบนิเวศที่ปลาอาศัยอยู่มีความสะอาดและสุขภาะปลาแข็งแรง
บทความโดย นางสาวคนึงนิจ หอมหวล
ตำแหน่งฝ่ายวิชาการบริษัทไทยกรีนอะโกร (ชมรมเกษตรปลอดสารพิษ)
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่
Line@ ID : Thaigreenagro
Facebook : บริษัท ไทยกรีนอะโกร
Website : www.thaigreenagro.co.th
TikTok : Thaigreenagro
