0

Your Cart

No products in the cart.
THAIGREENAGRO | ชมรมเกษตรปลอดสารพิษ
[agrikon_wc_ajax_search]

ปัญหาอันดับหนึ่งที่คนปลูกกุหลาบต้องเจอในฤดูฝน

ฤดูฝนที่มาเยือนนำพาความชุ่มฉ่ำสู่พืชพรรณนานาชนิด รวมถึง "ราชินีแห่งดอกไม้" อย่างกุหลาบด้วย แต่ว่าเบื้องหลังความสดชื่นนั้น ฤดูฝนกลับเป็นช่วงเวลาที่ท้าทายสำหรับคนปลูกกุหลาบอย่างยิ่งเพราะสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป ไม่ว่าจะเป็นความชื้นในอากาศที่สูงขึ้น ฝนที่ตกชุกและอุณหภูมิที่ลดลง ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่ก่อให้เกิดปัญหาตามมามากมายหากไม่ได้รับการดูแลที่เหมาะสม

บทความนี้จะพาไปเจาะลึกปัญหาหลักๆ ที่กุหลาบมักเผชิญในฤดูฝนพร้อมแนวทางรับมือ เพื่อให้กุหลาบของคุณยังคงผลิดอกสวยงาม ท้าทายทุกหยาดฝน

ปัญหาหลักของกุหลาบในฤดูฝนคงหนีไม่พ้น “ โรคเชื้อรา ” นี่คือปัญหาอันดับหนึ่งที่คนปลูกกุหลาบต้องเจอในฤดูฝนความชื้นสูงและอากาศอบอ้าวเป็นสวรรค์ของเชื้อรานานาชนิด ซึ่งมักแสดงอาการผ่านลักษณะต่อไปนี้:

โรคราดำ (Black Spot): เป็นโรคที่พบบ่อยที่สุด เริ่มจากจุดสีดำเล็กๆ บนใบกุหลาบ ก่อนจะขยายใหญ่ขึ้นและทำให้ใบเหลือง ร่วงหล่นในที่สุด หากปล่อยทิ้งไว้นานๆ จะส่งผลให้ต้นโทรมและไม่ออกดอก

โรคราแป้ง (Powdery Mildew): สังเกตได้จากผงสีขาวคล้ายแป้งปกคลุมอยู่บนใบอ่อน ก้านดอก และตาดอก ทำให้ใบหงิกงอ ยอดอ่อนชะงักการเจริญเติบโต และดอกไม่บาน

โรคใบจุด (Leaf Spot): เกิดเป็นจุดสีน้ำตาลหรือดำบนใบ มักมีขอบสีม่วงหรือแดง เมื่อเป็นมากใบจะไหม้และร่วง

โรคราสนิม (Rust): พบเห็นได้ยากกว่าโรคอื่น แต่หากเกิดแล้วจะค่อนข้างรุนแรงโดยมีลักษณะเป็นผงสีส้มหรือสีสนิมคล้ายสนิมเหล็กกระจายอยู่ใต้ใบ 

“ ดินแฉะและรากเน่า ”

การระบายน้ำที่ไม่ดีในกระถางหรือแปลงปลูกผนวกกับปริมาณน้ำฝนที่มากเกินไป ทำให้ดินแฉะขังน้ำนานๆ ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของปัญหารากเน่า ส่งผลให้ต้นกุหลาบแสดงอาการเหี่ยวเฉา ใบเหลือง และยืนต้นตายในที่สุด

ฤดูฝนไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการปลูกกุหลาบเสมอไป เพียงแต่ต้องอาศัยความเอาใจใส่และเทคนิคการดูแลที่เหมาะสมการสังเกตอาการของต้นกุหลาบอย่างใกล้ชิดและลงมือแก้ไขปัญหาอย่างรวดเร็ว คือกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้ราชินีแห่งดอกไม้ของคุณยังคงเบ่งบานอย่างงดงามแม้ในยามที่สายฝนโปรยปราย

แนวทางการป้องกัน สารชีวภัณฑ์:เลือกใช้สารชีวภัณฑ์ในการป้องกันและกำจัดเชื้อราทั้งทางดินและทางใบ เช่น ไตรโคเดอร์มา หรือบูเวเรียและสะเดาฉีดพ่นเพื่อป้องกันเพลี้ยและไรแดงเป็นต้น อัตราการใช้ : อินดิวเซอร์และบูเวเรีย 50 กรัม ต่อ น้ำ 20 ลิตร  คำแนะนำ : ควรฉีดพ่นช่วงแดดอ่อนๆ เช่น ช่วงเช้าตรู่ และช่วงเย็น

บทความโดย นางสาวคนึงนิจ หอมหวล ตำแหน่งฝ่ายวิชาการบริษัทไทยกรีนอะโกร (ชมรมเกษตรปลอดสารพิษ) สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ Line@ ID : Thaigreenagro Facebook : บริษัท ไทยกรีนอะโกร

×