0

Your Cart

No products in the cart.
THAIGREENAGRO | ชมรมเกษตรปลอดสารพิษ
[agrikon_wc_ajax_search]

คุณสมบัติของดินไม่ดี ใส่ปุ๋ยไม่งาม

ดินเปรียบเสมือนบ้านของพืช หากบ้านไม่ดี พืชก็ย่อมไม่อาจเติบโตได้อย่างเต็มที่  "ความอุดมสมบูรณ์ของดิน" จึงเป็นกุญแจสำคัญที่ส่งผลโดยตรงต่อผลผลิตทางการเกษตร แต่รู้หรือไม่ว่า นอกจากธาตุอาหารแล้ว "สภาพความเป็นกรด-ด่าง" ของดินก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่กำหนดชะตาชีวิตของพืชเช่นกัน

ดินจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่มีบทบาทโดยตรงต่อการเจริญเติบโตของพืช เนื่องจากเป็นแหล่งธาตุอาหาร น้ำ และที่ยึดเกาะของรากพืช อย่างไรก็ตาม คุณสมบัติของดินที่ไม่เหมาะสม เช่น ดินที่มีความเป็นกรดจัด ด่างจัด หรือเค็มมากเกินไป จะส่งผลเสียต่อพืชโดยตรง ทั้งในด้านการดูดซึมสารอาหารและการเจริญเติบโตโดยรวม นอกจากนี้ยังทำให้ต้องสิ้นเปลืองปุ๋ยโดยไม่เกิดประสิทธิภาพสูงสุด บทความนี้จะกล่าวถึงคุณสมบัติของดินที่ไม่เหมาะสมและผลกระทบที่ตามมาอย่างละเอียด

1.  ดินเปรี้ยว (กรดจัด) เกิดจากการสะสมของไฮโดรเจนไอออน (H+) ในดินมากเกินไป มักพบในพื้นที่ฝนตกชุก ดินที่มีค่าความเป็นกรด-ด่าง (pH) ต่ำกว่า 5.5 ถูกจัดว่าเป็นดินกรดจัด ซึ่งเกิดจากปัจจัยหลายประการ เช่น การสะสมของกรดอินทรีย์ในดิน การปลูกพืชเชิงเดี่ยวเป็นเวลานาน หรือการใช้ปุ๋ยเคมีในปริมาณสูงอย่างต่อเนื่อง

ดินเปรี้ยวส่งผลกระทบต่อพืช คือทำให้การละลายของธาตุอาหารบางชนิด เช่น อลูมิเนียม (Al) และเหล็ก (Fe) จะเพิ่มขึ้น ซึ่งส่งผลเสียต่อรากพืชและการเจริญเติบโต ธาตุอาหารที่จำเป็น เช่น แคลเซียม (Ca) และแมกนีเซียม (Mg) ถูกชะล้างออกจากดิน ทำให้พืชขาดธาตุอาหารที่สำคัญการดูดซึมฟอสฟอรัส (P) ของพืชลดลง เนื่องจากฟอสฟอรัสจะเกิดปฏิกิริยากับธาตุเหล็กหรืออลูมิเนียมจนตกตะกอน ดินกรดจัดนี้จะไปขัดขวางการดูดซึมธาตุอาหารที่จำเป็นของพืช โดยเฉพาะฟอสฟอรัส ทำให้รากพืชถูกทำลาย  แม้ใส่ปุ๋ยมากแค่ไหน พืชก็ไม่สามารถนำไปใช้ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

2. ดินที่มีความเป็นด่างจัด ดินด่าง เกิดจากการสะสมของแคลเซียมคาร์บอเนตและแมกนีเซียมคาร์บอเนต  ดินชนิดนี้จะทำให้ธาตุอาหารบางชนิด เช่น เหล็ก สังกะสี แมงกานีส  ละลายน้ำยาก  พืชจึงไม่สามารถดูดซึมไปใช้ได้  แม้ใส่ปุ๋ยที่มีธาตุเหล่านี้  พืชก็จะแสดงอาการขาดธาตุอาหารอยู่ดี

ดินที่มีค่าความเป็นกรด-ด่าง (pH) สูงกว่า 8.0 ถือว่าเป็นดินด่างจัด ซึ่งมักเกิดในพื้นที่ที่มีการสะสมของเกลือและโซเดียมในดิน หรือในพื้นที่ที่มีการระเหยน้ำสูง ส่งผลกระทบต่อพืช ทำให้ธาตุอาหารบางชนิด เช่น เหล็ก (Fe) แมงกานีส (Mn) และสังกะสี (Zn) จะตกตะกอนหรืออยู่ในรูปที่พืชดูดซึมไม่ได้ ส่งผลให้พืชขาดธาตุอาหาร โครงสร้างของดินในสภาพด่างจัดมักเป็นดินที่แน่นแข็ง ทำให้รากพืชไม่สามารถเจริญเติบโตและแผ่ขยายได้ดี พืชที่ปลูกในดินด่างมักแสดงอาการใบเหลืองและแคระแกร็นเนื่องจากการขาดธาตุอาหาร

3. ดินเค็ม เกิดจากการสะสมของเกลือในดินในปริมาณสูง ซึ่งมักพบในพื้นที่ลุ่มต่ำหรือบริเวณใกล้ชายฝั่งทะเล พื้นที่แห้งแล้ง น้ำทะเลหนุนสูง หรือมีการใช้ปุ๋ยเคมีมากเกินไป สาเหตุสำคัญของดินเค็มคือการระเหยของน้ำในพื้นที่แห้งแล้ง และการใช้น้ำชลประทานที่มีความเค็มสูง   ความเค็มในดินจะทำให้พืชสูญเสียน้ำ  รากพืชดูดน้ำได้ยาก  ส่งผลให้พืชเหี่ยวเฉา  แม้ได้รับน้ำอย่างเพียงพอ

ดินเค็มส่งผลกระทบต่อพืช คือ เกลือในดินขัดขวางการดูดน้ำของรากพืช ส่งผลให้พืชเกิดภาวะเครียดน้ำ แม้ดินจะมีน้ำเพียงพอ เกลือที่สะสมในรากพืชอาจเป็นพิษต่อพืชโดยตรง ทำให้การเจริญเติบโตลดลง การดูดซึมธาตุอาหาร เช่น โพแทสเซียม (K) ลดลง เนื่องจากถูกแทนที่ด้วยโซเดียม (Na) ในดิน

ในดินที่มีคุณสมบัติไม่ดี ดังที่ได้กล่าวมาทั้งหมด ส่งผลให้การใส่ปุ๋ยมักไม่ได้ผลตามที่คาดหวัง เนื่องจากปุ๋ยที่ใส่ลงไปอาจ ไม่ละลายหรือถูกดินตรึงไว้ ทำให้พืชดูดซึมไม่ได้ ถูกชะล้างออกจากดินอย่างรวดเร็วในกรณีของดินกรดจัดหรือดินทราย สูญเสียคุณค่าในดินเค็มและดินด่างเนื่องจากปฏิกิริยากับเกลือหรือแร่ธาตุอื่นๆ

ผลที่ตามมาคือเกษตรกรต้องใส่ปุ๋ยในปริมาณมากขึ้นเพื่อชดเชยการสูญเสีย ซึ่งเพิ่มต้นทุนการผลิตโดยไม่เพิ่มผลผลิตตามที่ต้องการ

แนวทางแก้ไข

- ดินกรดจัด ปรับปรุงดินด้วยการใส่กลุ่มวัสดุปูน เช่น ปูนมาร์ล ปูนขาว ปูนโดโลไมต์ ปูนฟอสเฟต เป็นต้น เพื่อเพิ่มค่า pH และเติมธาตุอาหารที่ขาดv

- ดินด่างจัด: ปรับปรุงดินด้วยสารปรับปรุงดิน เช่น กำมะถัน ยิปซั่ม ภูไมท์ซัลเฟตถุงสีแดงใส่วัสดุอินทรีย์ เช่น ปุ๋ยหมัก เพื่อช่วยปรับโครงสร้างดิน

- ดินเค็ม:  ใช้หินแร่ภูเขาไฟเพื่อให้สร้างความต้านทาน การใช้น้ำชลประทานคุณภาพดีล้างเกลือออกจากดิน และเลือกปลูกพืชที่ทนเค็มได้ เช่น ข้าวบาร์เลย์หรือถั่วชนิดต่างๆ

- เลือกใช้ปุ๋ยอย่างเหมาะสม: เลือกปุ๋ยให้ตรงกับชนิดของพืชและสภาพของดิน

- ใช้วิธีการให้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพ:  เช่น  ระบบน้ำหยด  เพื่อลดการสูญเสียน้ำและปุ๋ย

 

สรุปคือ ดินที่มีคุณสมบัติไม่เหมาะสม เช่น ดินกรดจัด ด่างจัด และเค็ม เป็นอุปสรรคสำคัญต่อการเจริญเติบโตของพืช เพราะทำให้พืชดูดซึมธาตุอาหารไม่ได้ ส่งผลให้พืชไม่สมบูรณ์และเกษตรกรต้องเสียค่าใช้จ่ายในการใส่ปุ๋ยเพิ่มขึ้น การปรับปรุงดินจึงเป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยให้พืชเจริญเติบโตได้ดีขึ้น พร้อมทั้งลดต้นทุนการผลิตในระยะยาว

 

ดร.มนตรี บุญจรัส

ประธานกรรมการ บริษัท ไทยกรีนอะโกร จำกัด

ประธานชมรมเกษตรปลอดสารพิษแห่งประเทศไทย

#ผู้ติดตาม #เกษตรอินทรีย์ #เกษตรปลอดภัย #สารชีวภัณฑ์ #ป้องกันแมลง #เกษตรพอเเพียง #เกษตรปลอดสาร #เกษตรกร #เกษตรกรรุ่นใหม่ #เกษตรผสมผสาน #ไทยกรีนอะโกร #ไทยกรีนอะโกรชมรมเกษตรปลอดสารพิษ #อย่าปิดกันการมองเห็น

×