สวัสดีครับ พี่ ๆ เพื่อน ๆ เกษตรกรคนรักกล้วย
ทุกท่านวันนี้เราจะมาคุยกันถึงปัญหาใหญ่ที่ทำให้ชาวสวนกล้วยต้องปวดหัวนั่นก็คือ "โรคตายพราย" หรือที่เรียกกันว่าโรคเหี่ยวในกล้วยหรือโรคเหี่ยวตายพรายซึ่งเป็นโรคที่ร้ายกาจมากครับถ้าไม่รีบจัดการอาจทำให้กล้วยเสียหายทั้งแปลงได้เลย!
โรคตายพรายคืออะไร? สาเหตุมาจากไหนกันนะ?
โรคตายพรายเป็นโรคที่เกิดจากเชื้อราในดินที่ชื่อว่า Fusarium oxysporum f. sp. cubense ซึ่งเป็นเชื้อราชนิดเดียวกับเชื้อที่ทำลายพืชตระกูลอื่นๆ ด้วย แต่เป็นเชื้อราที่จำเพาะเจาะจงกับกล้วยโดยเฉพาะ
สาเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้กล้วยเราป่วยเป็นโรคนี้:
1.เชื้อราในดิน: เชื้อราชนิดนี้สามารถอาศัยอยู่ในดินได้นานหลายปี และจะเข้าทำลายต้นกล้วยทางราก ทำให้ระบบการดูดน้ำและอาหารของต้นกล้วยถูกทำลาย
2.การแพร่กระจาย: เชื้อแพร่กระจายได้หลายทาง เช่น
- หน่อที่เป็นโรค: การนำหน่อกล้วยจากต้นที่เป็นโรคไปปลูกต่อเป็นช่องทางหลักของการแพร่ระบาด
- ดินและน้ำ: ดินที่ติดเชื้อ หรือน้ำที่ไหลผ่านแปลงที่เป็นโรค
- เครื่องมือทางการเกษตร: จอบ เสียม มีด ที่ใช้กับต้นที่เป็นโรค แล้วนำไปใช้กับต้นปกติโดยไม่ได้ทำความสะอาด
อาการที่เราจะสังเกตเห็น:
- ใบเหลืองและเหี่ยว: เริ่มจากใบแก่ที่อยู่รอบนอกก่อนแล้วลามไปที่ใบอ่อน โดยใบจะหักพับบริเวณโคนก้านใบ (คอใบ) และห้อยลงมาคล้ายร่ม
- ลำต้น/กาบใบแตก: ในระยะท้าย ๆ อาจเห็นกาบใบแตกตามยาว
- ดูข้างใน: ถ้าลองผ่าดูที่บริเวณเหง้าหรือลำต้นเทียมจะเห็นเนื้อเยื่อภายในเป็นสีน้ำตาล แดง หรือดำ เป็นทางยาวซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของเชื้อราที่ทำลายท่อน้ำท่ออาหาร
การดูแลและป้องกัน:เสริมสร้างภูมิต้านทานและจัดการเชื้อร้ายการจะป้องกันและแก้ไขโรคตายพรายได้อย่างยั่งยืน เราต้องทำ 2 อย่างควบคู่กันไป คือ การเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้ต้นกล้วย และการจัดการเชื้อราที่เป็นสาเหตุในดิน ซึ่งผลิตภัณฑ์ที่เราจะนำมาแนะนำให้พี่ ๆเพื่อน ๆ ได้ลองใช้ก็คือ "ภูไมท์" และ "อินดิวเซอร์ นี่แหละครับ
1. เสริมเกราะป้องกันด้วย "ภูไมท์" (เพิ่มความแข็งแกร่ง) ภูไมท์ เป็นแร่ธาตุธรรมชาติที่มีคุณสมบัติหลักคือการ เพิ่มซิลิก้าให้แก่พืชครับ/ค่ะ การที่กล้วยได้รับซิลิก้าอย่างเพียงพอจะช่วยได้มากเลย:
- ผนังเซลล์แข็งแกร่ง: ซิลิก้าที่พืชดูดขึ้นไปจะไปตกผลึกที่ผนังเซลล์ ทำให้เซลล์พืช แข็งแรง เปรียบเสมือนกล้วยมีเกราะป้องกันตามธรรมชาติ ทำให้ทนทานต่อการเข้าทำลายของโรคและแมลง รวมถึงเชื้อรา Fusarium ด้วย
- ลดการเฝือใบ: ช่วยให้กล้วยเติบโตอย่างสมดุล ไม่บ้าใบจนเกินไป
- บำรุงดิน: ช่วยปรับปรุงโครงสร้างดิน ทำให้ดินร่วนซุย อุ้มน้ำได้ดีขึ้น และช่วยให้ธาตุอาหารในปุ๋ยที่เราใส่ไปค่อย ๆละลายให้พืชดูดซึมได้นานขึ้นด้วย
- ทำลายและตรึงสารพิษ: ช่วยลดฤทธิ์ของสารพิษในดินทำให้กล้วยเจริญเติบโตได้ดีแม้ดินจะเคยมีสารเคมีตกค้างอยู่
วิธีใช้ภูไมท์สำหรับกล้วย:
1. ใช้เดี่ยว ๆ: โรย ภูไมท์ รอบโคนต้นกล้วยในปริมาณที่เหมาะสม (ถ้าใช้กับแปลงใหญ่ก็หว่านกระจายทั่วแปลงในอัตรา 40-80 กิโลกรัม/ไร่)
- ผสมปุ๋ย: ผสม ภูไมท์ 1 ส่วน ต่อปุ๋ยเคมี 5 ส่วนหรือผสมกับปุ๋ยอินทรีย์/ปุ๋ยคอก ในอัตรา ภูไมท์ 1 ส่วน ต่อปุ๋ยอินทรีย์ 10 ส่วนแล้วนำไปใส่รอบโคนต้น
2. จัดการเชื้อร้ายในดินด้วย "อินดิวเซอร์(กำจัดเชื้อราที่เป็นปฏิปักษ์) อินดิวเซอร์ เป็นพระเอกของเราในการต่อสู้กับเชื้อราครับ/ค่ะ
เพราะเขาคือผลิตภัณฑ์จาก จุลินทรีย์ปฏิปักษ์ในกลุ่มเชื้อรา ที่ชื่อว่า Trichoderma (ไตรโคเดอร์มา)ซึ่งได้รับคัดเลือกมาแล้วว่ามีประสิทธิภาพสูงในการจัดการเชื้อราสาเหตุโรคพืชหลายชนิดรวมถึง เชื้อรา Fusarium ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคตายพรายนั่นเอง
- ปฏิปักษ์กับเชื้อราโรคพืช:ไตรโคเดอร์มาจะไปแก่งแย่งอาหารและพื้นที่ในการเจริญเติบโตกับเชื้อราที่เป็นอันตรายต่อกล้วยและยังสามารถเข้าทำลายเชื้อราเหล่านั้นได้โดยตรงด้วย(เป็นศัตรูตามธรรมชาติของเชื้อราโรคพืช)
- ป้องกันโรครากเน่า/โคนเน่า: โดยเฉพาะโรคที่เกิดจากเชื้อรากลุ่ม Phytopthora,Pythium, และ Fusarium ซึ่งเป็นปัญหาหลักของพืชหลายชนิด
วิธีใช้ อินดิวเซอร์ สำหรับกล้วย (ไม้ผล):
1.เตรียมเชื้อผสม: ผสม อินดิวเซอร์ 1 ส่วน กับปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอก 50 ส่วน คลุกเคล้าให้เข้ากันดีก่อนนำไปใช้
2.โรยโคนต้น: นำเชื้อผสมที่ได้ในอัตรา 50-100 กรัม (ต่อต้น) โรยบาง ๆ ให้ครอบคลุมพื้นที่รอบโคนต้นใต้พุ่ม
3.ความถี่: ควรใช้ ทุก ๆ 1-2 เดือนเพื่อให้มีจุลินทรีย์ที่ดีไปคอยจัดการเชื้อร้ายในดินอย่างต่อเนื่อง
หากมีข้อสงสัยหรือสอบถามข้อมูลรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถกดไปที่ลิงค์นี้ได้เลยครับ https://thaigreenagro.com/ Line officl : @thaigreenagro /โทรศัพท์ 0-2986-1680, 084-555-4207
บทความโดย นายสายชล ทองเศรษฐี ตำแหน่งนักวิชาการเกษตร บริษัทไทยกรีนอะโกร จำกัด