0

Your Cart

No products in the cart.
THAIGREENAGRO | ชมรมเกษตรปลอดสารพิษ
[agrikon_wc_ajax_search]

หินแร่ภูเขาไฟและยิปซั่ม: วัสดุธรรมชาติที่ช่วยปรับปรุงดินเพื่อการเกษตร

การเกษตรที่ยั่งยืนต้องอาศัยดินที่มีคุณภาพดี ทั้งในด้านโครงสร้างและคุณสมบัติทางเคมี เพื่อให้พืชเจริญเติบโตได้ดี องค์ประกอบของดินที่ดีคือ มีอินทรีย์วัตถุ 5% น้ำ 25% อากาศ 25% และอินทรีย์หินแร่ 45%

แต่หากว่าการเพาะปลูกที่ยาวนานผ่านรุ่นสู่รุ่น การนำผลผลิตออกจากแปลงกับอาหารที่เติมเข้าไปไม่สมดุลทำให้ดินเสื่อม ดินจืด   หนึ่งในวิธีการปรับปรุงดินให้เหมาะสมต่อการเพาะปลูก คือการใช้วัสดุธรรมชาติอย่าง หินแร่ภูเขาไฟ และ ยิปซั่ม ซึ่งมีคุณสมบัติที่ช่วยเสริมความโปร่งฟู ร่วนซุย และเพิ่มประสิทธิภาพการระบายถ่ายเทน้ำและอากาศในดิน

หินแร่ภูเขาไฟ (Volcanic Rock Minerals) เกิดจากลาวาที่เย็นตัวลงหลังการปะทุของภูเขาไฟ โดยมีแร่ธาตุหลากหลายชนิด เช่น ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม แคลเซียม แมกนีเซียม กำมะถัน เหล็ก ทองแดง แมงกานีส สังกะสี โบรอน โมลิบดินั่ม ฯลฯ และที่โดดเด่นมีมากถึงกว่า 70% คือ  ซิลิกา (Silica)  ซึ่งแร่ธาตุสารอาหารทั้งหมดนี้มีผลต่อการปรับปรุงดินในระยะยางแบบยั่งยืน เช่น

 1. เพิ่มความโปร่งและร่วนซุยของดิน หินแร่ภูเขาไฟมีโครงสร้างเป็นรูพรุน ทำให้ดินสามารถระบายถ่ายเทน้ำและอากาศได้ดี ลดปัญหาดินแน่นและการเกิดน้ำขัง

 2. ปลดปล่อยแร่ธาตุที่จำเป็นต่อพืช หินแร่ภูเขาไฟมีแร่ธาตุที่สามารถปลดปล่อยออกมาในดินอย่างช้า ๆ เช่น โพแทสเซียม แคลเซียม และแมกนีเซียม ช่วยบำรุงพืชและกระตุ้นการเจริญเติบโต

 3. เพิ่มจุลินทรีย์ในดิน รูพรุนในหินแร่ภูเขาไฟเป็นที่อยู่อาศัยของจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ ช่วยย่อยสลายอินทรียวัตถุในดินและส่งเสริมสุขภาพของระบบราก

ยิปซั่ม (Gypsum) เป็นแร่ธรรมชาติที่มีองค์ประกอบหลักคือแคลเซียมซัลเฟต (Calcium Sulfate) ซึ่งมีประโยชน์ต่อการเกษตรในหลากหลายด้าน ได้แก่:

 1. ปรับปรุงโครงสร้างดิน ยิปซั่มช่วยลดการจับตัวเป็นก้อนของดินเหนียว ทำให้ดินมีความโปร่งและร่วนซุยขึ้น พืชสามารถชอนไชรากได้ง่าย

 2. เพิ่มการระบายและการถ่ายเทน้ำ ยิปซั่มช่วยปรับสมดุลการระบายถ่ายเทน้ำในดิน โดยเฉพาะในดินที่มีปัญหาน้ำขังหรือน้ำซึมผ่านได้ยาก

 3. เพิ่มธาตุอาหารให้กับดิน แคลเซียมในยิปซั่มช่วยเสริมสร้างโครงสร้างของเซลล์พืช ขณะที่ซัลเฟอร์ช่วยในกระบวนการสังเคราะห์โปรตีนของพืช

 4. ลดความเป็นพิษของดินเค็ม ยิปซั่มสามารถช่วยแก้ไขปัญหาดินเค็มหรือดินที่มีโซเดียมสูง โดยทำปฏิกิริยากับโซเดียมและช่วยให้โซเดียมถูกชะล้างออกจากดินได้ง่าย

ประโยชน์ของการใช้หินแร่ภูเขาไฟและยิปซั่มหรือชื่อในทางการค้า เช่น ภูไมท์ซัลเฟต , พูมิชซัลเฟอร์ ในการปรับปรุงดินทางเกษตรกรรมช่วยเสริมสร้างโครงสร้างดินให้เหมาะสมต่อการปลูกพืช ดังนี้:

 1. เพิ่มความสมดุลระหว่างการอุ้มน้ำและการระบายน้ำ ดินที่ผ่านการปรับปรุงจะสามารถอุ้มน้ำเพียงพอต่อการเจริญเติบโตของพืช แต่ไม่เกิดน้ำขัง

 2. ลดการพังทลายของดิน ดินที่มีความร่วนซุยจากหินแร่ภูเขาไฟและโครงสร้างที่ดีจากยิปซั่มจะลดการสูญเสียดินและธาตุอาหารไปกับน้ำฝน

 3. เพิ่มความหลากหลายของจุลินทรีย์ในดิน วัสดุทั้งสองชนิดช่วยส่งเสริมสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมสำหรับจุลินทรีย์ ซึ่งเป็นตัวช่วยสำคัญในการสร้างธาตุอาหารให้พืช

การมีดินที่เหมาะสมเป็นพื้นฐานสำคัญของการเพาะปลูกพืช  ดินที่ดีควรมีโครงสร้างที่โปร่ง ฟู ร่วนซุย  เพื่อให้รากพืชสามารถชอนไชหาอาหารและเจริญเติบโตได้อย่างเต็มที่  รวมถึงช่วยในการระบายน้ำและอากาศ  ป้องกันปัญหารากเน่าและโรคพืชต่างๆ การใช้หินแร่ภูเขาไฟและยิปซั่มเป็นวัสดุปรับปรุงดิน เป็นวิธีการธรรมชาติที่มีประสิทธิภาพในการเพิ่มความโปร่งฟู ร่วนซุย และปรับปรุงสมบัติทางกายภาพของดินให้เหมาะสมต่อการปลูกพืช นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มแร่ธาตุอาหารให้กับดิน ลดปัญหาดินแน่นและดินเค็ม การใช้วัสดุเหล่านี้อย่างเหมาะสมจะช่วยให้เกษตรกรสามารถเพิ่มผลผลิตทางการเกษตรได้อย่างยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

 

ดร.มนตรี บุญจรัส

ประธานกรรมการ บริษัท ไทยกรีนอะโกร จำกัด

ประธานชมรมเกษตรปลอดสารพิษแห่งประเทศไทย

×