ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่ยุค "ลานีญา"หรือช่วงที่ฝนจะตกชุกนี่คือโอกาสทองสำหรับเกษตรกรยุคใหม่ที่จะกักเก็บน้ำไว้ใช้ให้มากที่สุด ตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อความยั่งยืนของการทำเกษตรกรรม เพราะเมื่อถึงฤดูแล้ง น้ำคือหัวใจสำคัญที่จะช่วยให้พืชผลเจริญงอกงามลดภาระการขุดเจาะน้ำบาดาลและซื้อน้ำที่สิ้นเปลืองงบประมาณ
"แหล่งน้ำ" หัวใจของการเกษตรที่ยั่งยืน ในอดีต เรามีคำกล่าวที่ว่า "ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว"ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของแหล่งน้ำต่อวิถีชีวิตเกษตรกรไทยความอุดมสมบูรณ์ของประเทศไทย ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ข้าวหอมมะลิแต่ยังรวมถึงพืชผลหลากหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นทุเรียน มะม่วง เงาะ มันสำปะหลังยางพารา และพืชผักสวนครัวอีกมากมายซึ่งล้วนต้องอาศัยน้ำเป็นปัจจัยหลักในการเจริญเติบโต
แต่ปัญหาที่เกษตรกรหลายท่านประสบคือการเก็บน้ำไว้ใช้ในช่วงหน้าแล้งไม่ได้ บ่อน้ำที่ขุดไว้มักจะประสบปัญหาน้ำซึมหายไปทำให้ต้องเผชิญกับภาวะขาดแคลนน้ำเพื่อการเพาะปลูก วันนี้ บริษัท ไทยกรีนอะโกร(ชมรมเกษตรปลอดสารพิษ) ขอเสนอทางออกด้วย ชุดสารอุดบ่อ ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่ปลอดภัยและคุ้มค่า
ทำไมต้องเลือกใช้ชุดสารอุดบ่อจากไทยกรีนอะโกร?
ชุดสารอุดบ่อของเราประกอบด้วย สเม็คไทต์ 5 กระสอบ (100 กก.) และสารอุดบ่อ 2 กก. ที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาการรั่วซึมของน้ำในบ่อโดยเฉพาะ ด้วยคุณสมบัติที่โดดเด่น
ปลอดภัยต่อระบบนิเวศ:สารอุดบ่อของเราไม่มีสารพิษที่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมและสิ่งมีชีวิตในน้ำ คุณจึงมั่นใจได้ว่าน้ำในบ่อของคุณจะยังคงเป็นแหล่งอาศัยที่ปลอดภัยสำหรับสัตว์น้ำ
ปรับปรุงคุณภาพน้ำ: สเม็คไทต์ที่ผสมอยู่ในชุดสารอุดบ่อไม่เพียงช่วยอุดรอยรั่ว แต่ยังช่วย ปรับสภาพน้ำให้มีค่าเป็นกลาง และจับแก๊สแอมโมเนีย ซึ่งเป็นสาเหตุของน้ำเสีย ทำให้น้ำใสสะอาด ไม่เน่าเสีย
ประหยัดและยั่งยืน:หากเทียบกับการปูผ้าใบยางที่อาจมีค่าใช้จ่ายสูงถึงหลักหมื่นหรือหลักแสน การใช้ชุดสารอุดบ่อของเรามีต้นทุนต่ำกว่ามาก โดยใช้งบประมาณเพียงประมาณ 1,500 บาทต่อบ่อขนาด 1 ไร่ แต่ให้ผลลัพธ์ที่ยั่งยืนและคุ้มค่าในระยะยาว
อย่างไรก็ตาม ประสิทธิภาพของสารอุดบ่อจะขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่างเช่น โครงสร้างเนื้อดิน ความลาดชันของพื้นที่ และสภาพภูมิอากาศ ดังนั้นเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด และลดความผิดพลาดทางเทคนิค ขอแนะนำให้เกษตรกรปรึกษานักวิชาการของบริษัท ไทยกรีนอะโกร เพื่อรับคำแนะนำที่เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ของคุณ
สร้างบ่อเก็บน้ำให้มีประสิทธิภาพ ด้วยวิธีง่ายๆ ไม่ว่าจะเป็นบ่อขุดใหม่ หรือบ่อเก่าที่ประสบปัญหาน้ำรั่วซึม คุณก็สามารถใช้วิธีการต่อไปนี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการกักเก็บน้ำ
เตรียมพื้นที่ให้พร้อม:เริ่มจากการเคลียร์พื้นที่รอบบ่อและขอบบ่อให้เรียบ ปราศจากต้นไม้ วัชพืช หรือร่องน้ำที่เกิดจากการกัดเซาะ ปรับหน้าดินให้แน่นที่สุด
จัดการความลาดชัน: ปรับความลาดชันของพื้นที่ให้มีความชันน้อยที่สุดเพื่อให้การหว่านสารและการบดอัดทำได้ง่ายและมีประสิทธิภาพ
ผสมสารอุดบ่อ: นำ สเม็คไทต์ 100 กก. มาผสมคลุกเคล้ากับ สารอุดบ่อ 2 กก. ในถังผสมปูนให้เข้ากันจนเป็นเนื้อเดียว
หว่านและปรับความหนา:นำส่วนผสมที่ได้ไปโรยให้ทั่วทั้งก้นบ่อและขอบบ่อ
ความหนาของการโรยจะขึ้นอยู่กับสภาพเนื้อดิน: ดินทรายจัด: หว่านให้มีความหนา 4-5 ซม. ดินทรายปนกรวด: หว่านให้มีความหนา 6-7 ซม. ดินร่วนเหนียวหรือดินเหนียว (ดินนา): หว่านให้มีความหนา 2-3 ซม. กรณีดินทรายมาก: หากเป็นดินทรายจัด ควรนำดินเหนียว (ดินนา)มาผสมกับดินก้นบ่อเดิมก่อนโรยสารอุดบ่อ จากนั้นโรยสารอุดบ่อตามปกติ ควรบดอัดดินและผนังด้านข้างบ่อให้แน่นเพื่อให้บ่อมีลักษณะเป็นดินเหนียวปนทราย และควรมีความหนาที่เหมาะสม
กลบและบดอัด: นำดินเก่าบริเวณสระที่ได้จากการขุดหรือปรับสภาพบ่อมาโรยกลบทับสารอุดบ่อที่โรยไป จากนั้น บดอัดดินให้แน่นที่สุด การบดอัดนี้สำคัญมาก เพราะจะช่วยให้สารอุดบ่ออัดแน่นกับเนื้อดินและเมื่อเจอจะน้ำจะเกิดเมือกขยายตัวได้มากถึง 200 เท่า ทำให้โมเลกุลของสารอุดบ่อเข้าไปอุดรอยต่อระหว่างโมเลกุลของดินทำให้น้ำไม่รั่วซึม (ยิ่งบดอัดหลายรอบ ยิ่งเพิ่มประสิทธิภาพ)
เติมน้ำและสังเกตการณ์: ค่อยๆ ปล่อยน้ำลงบ่อทีละ 30-50 ซม.เพื่อสังเกตการรั่วซึม หากไม่มีปัญหา ระดับน้ำในบ่อจะคงที่และไม่ลดลงภายใน 3-5 ชั่วโมง หลังจากนั้นจึงสามารถปล่อยน้ำลงบ่อจนเต็มได้เลย
เสริมประสิทธิภาพด้วยปุ๋ยและอินทรียวัตถุ: เมื่อมีน้ำในบ่อพอสมควร ให้ใช้ ยูเรีย 46-0-0 ประมาณ 1-2 กก.ละลายน้ำ 10 ลิตร (สำหรับบ่อ 1 ไร่) สาดให้ทั่วบ่อในช่วงเช้าสารละลายยูเรียจะลอยบนผิวน้ำ และเมื่อโดนแสงแดดจะทำปฏิกิริยาให้เกิดแพลงก์ตอนอย่างรวดเร็วภายใน 4-5 วัน
ใส่ ขี้วัว 2-3 กระสอบ ให้ทั่วบ่อ หากน้ำตื้นสามารถลงไปทำได้จะดีมากสำหรับบ่อขนาดใหญ่ สามารถใช้รถไถลงไปบดอัดหลายๆ รอบได้เลย
ด้วยวิธีการที่ง่ายและไม่ซับซ้อนนี้เกษตรกรยุคใหม่ก็จะสามารถมีแหล่งน้ำไว้ใช้ในการเกษตรได้อย่างยั่งยืนหมดกังวลกับปัญหาภัยแล้ง และทำให้พืชผลเจริญเติบโตได้ดีเหมือนเดิม
หากมีข้อสงสัยหรือสอบถามข้อมูลรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถกดไปที่ลิงค์นี้ได้เลยครับ https://thaigreenagro.com/ Line officl : @thaigreenagro , โทรศัพท์ 0-2986-1680, 084-555-4207
บทความโดย นายสายชล ทองเศรษฐี ตำแหน่งนักวิชาการเกษตร บริษัทไทยกรีนอะโกร จำกัด

