ปัจจุบันเกษตรกรไทยต้องเผชิญกับความท้าทายมากมาย
เช่น ต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น ราคาผลผลิตที่ไม่แน่นอน
และผลกระทบจากการใช้สารเคมีในระยะยาวต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม การนำ สารชีวภัณฑ์
มาใช้ในภาคเกษตรกรรมจึงกลายเป็นทางเลือกที่น่าสนใจและตอบโจทย์การทำเกษตรยุคใหม่
สารชีวภัณฑ์คืออะไร? สารชีวภัณฑ์
(Biological Products) คือผลิตภัณฑ์ที่มีจุลินทรีย์หรือสิ่งมีชีวิตขนาดเล็ก
เช่น แบคทีเรีย รา และไวรัส ที่มีประโยชน์ต่อพืชและดิน ซึ่งใช้ในการควบคุมโรคพืช
ศัตรูพืช หรือช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโตของพืช ตัวอย่างเช่น บิวเวอร์เรีย
ที่ใช้กำจัดแมลงศัตรูพืช หรือ ไตรโคเดอร์มา ที่ช่วยควบคุมเชื้อราสาเหตุโรคพืช
ทางเลือกในการใช้สารชีวภัณฑ์
ไม่จำเป็นต้องใช้แบบสำเร็จรูปเสมอไป
แม้ว่าสารชีวภัณฑ์สำเร็จรูปที่จำหน่ายในตลาดจะสะดวกและพร้อมใช้งาน
แต่ราคาของผลิตภัณฑ์เหล่านี้อาจไม่เหมาะสมสำหรับเกษตรกรรายย่อยหรือผู้ที่ต้องการลดต้นทุนการผลิต
วิธีหนึ่งที่ช่วยประหยัดต้นทุนได้คือ การขยายเชื้อเอง
การขยายเชื้อสารชีวภัณฑ์
เกษตรกรสามารถซื้อหัวเชื้อหรือแม่พันธุ์ในปริมาณน้อยและนำมาขยายในพื้นที่ของตนเอง
โดยใช้วัตถุดิบที่หาได้ง่ายในท้องถิ่น เช่น
ถ้าจะหมักจุลินทรีย์หรือสารชีวภัณฑ์ในกลุ่มเชื้อรา ก็อาจจะใช้หัวเชื้อ 1
กิโลกรัม ผสมกับรำละเอียด 10 กิโลกรัม และคลุกผสมกับปุ๋ยหมัก
ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยอินทรีย์อีก 40 กิโลกรัม พรมน้ำพอชื้นหมักทิ้งไว้ 7-15
วัน ก็สามารถนำไปโรยใต้ทรงพุ่มโคนต้นกับพืชไร่ไม้ผลได้เกือบทุกชนิด
อีกวิธีหนึ่งคือนำแป้งข้าวโพดครึ่งกิโลกรัมต้มในน้ำเดือด
20 ลิตร
แล้วค่อยโรยแป้งลงไปทีละน้อยเพื่อป้องกันการจับตัวเป็นก้อน
เมื่อกวนจนเหมือนน้ำราดหน้าแล้ว เทใส่ถาด คลุมด้วยผ้าขาวบางทิ้งไว้พออุ่น
โรยหัวเชื้อจุลินทรีย์กลุ่มเชื้อราอย่างใดอย่างหนึ่งเพียง 100
กรัม ให้ทั่ว แล้วบ่มไว้ประมาณ 7-10 วัน กวนให้เข้ากันนำไปผสมน้ำ 100
ซี.ซี.ต่อน้ำ 20 ลิตร ประหยัดได้สูงสุดถึง 4,000
ลิตร
ส่วนชีวภัณฑ์ในกลุ่มแบคทีเรีย อย่างเช่น บีที ,
บาซิลลัส ซับธิลิส
ให้นำหัวเชื้อเพียง 5 กรัมหมักกับน้ำมะพร้าวอ่อน 1 ผล
หรือ นมยูเฮชที นมถั่วเหลือง 1 กล่อง (200
ซี.ซี.) หมักทิ้งไว้ 24-48
ชั่วโมง นำไปผสมน้ำ 20 ลิตร (1
ปิ๊ป) ฉีดพ่อให้เปียกชุ่มโชกเหมือนฝนตก ดีที่สุดคือในช่วงเย็นแดดอ่อนๆ
การขยายเชื้อไม่เพียงช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย
แต่ยังสามารถปรับปริมาณการผลิตให้เหมาะสมกับความต้องการในแต่ละฤดูปลูก
และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานในแปลงเกษตร
ข้อดีของการใช้สารชีวภัณฑ์ขยายเอง
1. ลดต้นทุนการผลิต:
การขยายเชื้อเองมีต้นทุนต่ำกว่าการซื้อผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป
2. ลดการใช้สารเคมี:
ลดผลกระทบต่อสุขภาพของเกษตรกรและสิ่งแวดล้อม
3. เพิ่มคุณภาพผลผลิต:
พืชแข็งแรงและมีความต้านทานโรคดีกว่า
4. สนับสนุนเกษตรยั่งยืน:
สารชีวภัณฑ์ช่วยปรับปรุงคุณภาพดินในระยะยาว
ตัวอย่างสารชีวภัณฑ์ยอดนิยมในไทย
1. ไตรโคเดอร์มา ใช้ควบคุมโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา เช่น
โรคโคนเน่า โรครากเน่า
โดยเชื้อราจะเข้าไปแย่งอาหารและที่อยู่อาศัยของเชื้อราโรคพืช
2. บาซิลลัส
ซับทิลิส: ช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตของพืชและควบคุมเชื้อแบคทีเรียสาเหตุโรคพืช
3. บิวเวอร์เรีย
พาซิลโลมัยซีท และ เมทาไรเซียม
ใช้ควบคุมแมลงศัตรูพืชหลายชนิด เช่น เพลี้ยอ่อน
หนอนใยผัก
โดยเชื้อราจะเข้าทำลายแมลง
ทำให้แมลงตายในที่สุด
4. บีที (Bacillus
thuringiensis): เป็นแบคทีเรียที่สร้างสารพิษ ใช้ควบคุมหนอนผีเสื้อ โดยหนอนที่กินแบคทีเรียเข้าไปจะตาย
5. ไรโซเบียม:
ช่วยตรึงไนโตรเจนในดินสำหรับพืชตระกูลถั่ว
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะเป็นสารชีวภัณฑ์
มีความปลอดภัยสูง แต่ก็ยังต้องมีข้อควรระวังในการขยายเชื้อสารชีวภัณฑ์ คือ
ควรปฏิบัติตามวิธีการที่ถูกต้อง เพื่อป้องกันการปนเปื้อนของเชื้อโรคอื่น
เลือกวัตถุดิบที่สะอาดและปราศจากสารเคมีตกค้าง เก็บรักษาในอุณหภูมิที่เหมาะสมเพื่อรักษาคุณภาพ
สารชีวภัณฑ์เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่ช่วยเกษตรกรไทยลดต้นทุนและสร้างความยั่งยืนในการเกษตร
ด้วยการขยายเชื้อเอง
เกษตรกรสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายและผลิตสารชีวภัณฑ์ที่เหมาะสมกับความต้องการในพื้นที่ของตนเอง
อีกทั้งยังช่วยลดการใช้สารเคมี ส่งเสริมสุขภาพของดินและผลผลิตในระยะยาว
การใช้สารชีวภัณฑ์จึงไม่ใช่เพียงทางเลือก
แต่เป็นแนวทางที่ตอบโจทย์อนาคตของเกษตรไทยอย่างแท้จริง
ดร.มนตรี บุญจรัส
ประธานกรรมการ บริษัท ไทยกรีนอะโกร จำกัด
ประธานชมรมเกษตรปลอดสารพิษแห่งประเทศไทย