การเลี้ยงหอยแครงในปัจจุบันต้องเผชิญกับความท้าทายด้านคุณภาพน้ำและพื้นบ่อ เนื่องจากหอยแครงเป็นสัตว์น้ำที่อาศัยอยู่ตามพื้นดินตะกอน การจัดการสุขอนามัยของพื้นบ่อจึงเป็นหัวใจสำคัญสู่ความสำเร็จ หินแร่ภูเขาไฟอย่าง
"สเม็คไทต์" (Smectite) ได้กลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้เกษตรกรสามารถรักษาสภาพแวดล้อมในบ่อให้สะอาด ปลอดภัย และเอื้อต่อการเจริญเติบโตของหอยแครงได้อย่างยั่งยืน ซึ่งสเม็คไทต์คือกลุ่มหินแร่ภูเขาไฟ ที่มีโครงสร้างเป็นรูพรุนและคุณสมบัติในการแลกเปลี่ยนประจุไอออนได้ดีเยี่ยม ทำให้สเม็คไทต์สามารถทำหน้าที่เป็นเครื่องกรองธรรมชาติ
ที่มีประสิทธิภาพในระบบนิเวศบ่อเลี้ยง โดยกลไกลการทำงาน 1.การดูดซับของเสียและสารพิษ โดยสเม็คไทต์สามารถจับแก๊สแอมโมเนียและไนไตรท์ในบ่อที่มีความหนาแน่นสูงซึ่งมีแหล่งที่มีจากของเสียที่หอยขับถ่าย โดยแอมโมเนียและไนไตรท์นั้นหากมีค่ามากเกินจะส่งใหเบ่อมีกลิ่น บ่อเขียว สาหร่ายเยอะ ซึ่งส่งผลกระทบต่อหอยแครงโดยตรง นอกจากนี้ยังช่วยจับแก๊สไข่เน่า ที่เกิดจากการนสะสมของสารอินทรีย์ที่ย่อยสลายไม่ทันในพื้นบ่อที่เป็นอันตรายต่อตัวหอยแครงที่อยู่ในดิน
2.การปรับปรุงสภาพพื้นบ่อ หากนำสเม็คไทต์ใช้ควบคู่กับบาซิลลัสmt ซึ่งเป็นนจุลินทรีย์ย่อยสลายแล้วจะลดขี้เลนในบ่อเลี้ยง ช่วยจับตะกอนแขวนลอยและลดแหล่งสะสมของเชื้อโรค นอกจากนี้สเม็คไทต์ยังช่วยเป็นบัฟเฟอร์ป้องกันการเปลี่ยนแปลงค่าความเป็นกรด-ด่างของน้ำและดินในบ่อได้อย่างเฉียบพลัน ทำให้หอยแครงไม่เกิดความเครียดจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อม และเมื่อการใช้สเม็คไทต์ในบ่อหอยแครงอย่างสม่ำเสมอในบ่อหอยแครงส่งผลดีต่อตัวหอยโดยตรง
1.ลดความเครียดและการป่วย: เมื่อน้ำสะอาด ปลอดสารพิษ หอยแครงจะมีสุขภาพดีขึ้น ไม่เครียด และมีภูมิต้านทานสูง
2.อัตราการรอดสูงขึ้น: การจัดการคุณภาพน้ำและพื้นบ่ออย่างมีประสิทธิภาพส่งผลให้อัตราการตายลดลง
3.คุณภาพผลผลิตดีขึ้น: หอยที่โตในสภาพแวดล้อมที่ดีจะมีเนื้อแน่น เปลือกสวย และรสชาติดี โดยอัตราการใช้สเม็คไทต์จะอยู่ที่ 20 กิโลกรัม/พื้นที่ 1 ไร่ และ บาซิลลัสmt 1 กิโลกรัม/พื้นที่ 1 ไร่
หากสนใจข้อมูลเพิ่มเติมหรือต้องการปรึกษาปัญหาด้านการเกษตรปลอดสารพิษ ติดต่อสอบถามได้ที่ https://thaigreenagro.com/
บทความโดย นางสาวธารหทัย จารุเกษตรพร
ตำแหน่งนักวิชาการเก