ประเทศไทยได้ชื่อว่าเป็นอู่ข้าวอู่น้ำ มีผลผลิตทางการเกษตรหล่อเลี้ยงผู้คนทั้งในและต่างประเทศ แต่เบื้องหลังความอุดมสมบูรณ์นี้ กลับซ่อนปัญหาการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืช โดยเฉพาะ “ยาฆ่าหญ้า” ที่มีปริมาณการนำเข้าสูงขึ้นอย่างน่าตกใจ
ตัวเลขที่น่าสะพรึงกลัว ข้อมูลจากกรมวิชาการเกษตร เผยให้เห็นตัวเลขการนำเข้ายาฆ่าหญ้า สูงถึงปีละหลายหมื่นตัน คิดเป็นมูลค่ามหาศาล สะท้อนให้เห็นถึงการพึ่งพาสารเคมีในการเกษตรอย่างหนัก โดยพื้นที่ป่าต้นน้ำทางภาคเหนือของไทย กลายเป็นแหล่งใช้ยาฆ่าหญ้ามากที่สุด เพื่อใช้กำจัดวัชพืช เปิดทางให้กับพืชเศรษฐกิจ เช่น ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์
ผลกระทบต่อสุขภาพ การใช้ยาฆ่าหญ้าอย่างพร่ำเพรื่อ ส่งผลให้เกิดสารพิษตกค้างในดิน น้ำ และอากาศ ปนเปื้อนเข้าสู่ห่วงโซ่อาหาร และเข้าสู่ร่างกายมนุษย์ ก่อให้เกิดโรคภัยต่างๆ มากมาย เช่น
* มะเร็ง: สารเคมีในยาฆ่าหญ้าหลายชนิด เช่น ไกลโฟเซต ถูกจัดให้เป็นสารก่อมะเร็ง เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งหลายชนิด เช่น มะเร็งต่อมน้ำเหลือง มะเร็งเม็ดเลือดขาว
* โรคระบบทางเดินหายใจ: การสูดดมสารเคมี อาจทำให้เกิดอาการระคายเคือง ไอ หายใจลำบาก
* โรคผิวหนัง: การสัมผัสสารเคมี ทำให้เกิดผื่นคัน อักเสบ
* โรคระบบประสาท: สารเคมีบางชนิด ส่งผลต่อระบบประสาท ทำให้เกิดอาการ วิงเวียนศีรษะ ปวดหัว
ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม นอกจากผลกระทบต่อสุขภาพ ยาฆ่าหญ้ายังส่งผลเสียต่อสิ่งแวดล้อม เช่น
* ทำลายระบบนิเวศ: ยาฆ่าหญ้า ฆ่าไม่เพียงแค่ วัชพืช แต่ยังทำลายสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ลดความหลากหลายทางชีวภาพ ทำให้สมดุลของระบบนิเวศเสียไป
* ดินเสื่อมโทรม: สารเคมีตกค้าง ทำให้คุณภาพดินเสื่อมโทรม ขาดความอุดมสมบูรณ์
* แหล่งน้ำปนเปื้อน: สารเคมีปนเปื้อนแหล่งน้ำ ส่งผลกระทบต่อสัตว์น้ำ และอาจปนเปื้อนเข้าสู่ระบบน้ำประปา
ถึงเวลา... ลด ละ เลิก ควรจะถึงเวลาแล้วที่เราทุกคนต้องตระหนักถึงภัยเงียบจากยาฆ่าหญ้า ร่วมกันหาทางออก เพื่อลด ละ เลิก การใช้สารเคมี หันมาส่งเสริมเกษตรอินทรีย์ เกษตรปลอดภัย เพื่อสุขภาพที่ดีของคนไทย และความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อม
ดร.มนตรี บุญจรัส
ประธานกรรมการ บริษัท ไทยกรีนอะโกร จำกัด
ประธานชมรมเกษตรปลอดสารพิษแห่งประเทศไทย
www.thaigreenagro.com