0

Your Cart

No products in the cart.
THAIGREENAGRO | ชมรมเกษตรปลอดสารพิษ
[agrikon_wc_ajax_search]

ภัยเงียบจากสารเคมี: เมื่อผืนดิน สายน้ำ และชีวิต ถูกกัดกร่อน

ในอดีต แม่น้ำลำธารที่ใสสะอาดเคยเป็นแหล่งน้ำดื่มและแหล่งอาหารธรรมชาติที่สำคัญของมนุษย์และสิ่งมีชีวิตทั้งหลาย แต่ในยุคปัจจุบัน การพัฒนาทางการเกษตรที่มุ่งเน้นผลผลิตสูงสุดด้วยการใช้สารเคมีจำนวนมหาศาลกลับส่งผลร้ายต่อสิ่งแวดล้อมและวิถีชีวิตของผู้คนอย่างรุนแรง สารเคมีเหล่านี้ไม่เพียงทำลายดินและน้ำ แต่ยังสร้างผลกระทบระยะยาวที่ยากจะแก้ไข

ภาพฝันของแม่น้ำใสสะอาด ปลาแหวกว่ายเต็มท้องทุ่งนา คงเป็นภาพชินตาของใครหลายคน  แต่ปัจจุบัน ภาพเหล่านั้นกลับเลือนหายไป  เหลือทิ้งไว้เพียงคราบน้ำเน่าเสีย สัตว์น้ำลอยตาย และความเสื่อมโทรมของระบบนิเวศ  ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นผลพวงจาก "สารเคมีทางการเกษตร" ที่ถูกนำมาใช้อย่างพร่ำเพรื่อ

สารเคมีที่เกษตรกรใช้เพื่อกำจัดโรค แมลงศัตรูพืช  และวัชพืชนั้น แม้จะช่วยเพิ่มผลผลิตในระยะสั้น แต่กลับส่งผลร้ายแรงในระยะยาว สารพิษเหล่านี้ตกค้างอยู่ในดิน ซึมลงสู่แหล่งน้ำใต้ดิน ปนเปื้อนไปกับแม่น้ำลำคลอง ก่อให้เกิดมลพิษทางน้ำ ส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ต่อสิ่งมีชีวิตในน้ำ  กุ้ง หอย ปู ปลา ล้วนได้รับผลกระทบโดยตรง  บางชนิดสูญพันธุ์ไป  บางชนิดสะสมสารพิษไว้ในร่างกาย

ผลกระทบไม่ได้หยุดอยู่แค่ในน้ำ  สารพิษยังคงวนเวียนอยู่ในระบบนิเวศ  ปนเปื้อนในพืชผักที่เรารับประทาน  สัตว์ที่เรานำมาบริโภค  และแม้กระทั่งในอากาศที่เราหายใจ  ภัยเงียบนี้ค่อยๆ กัดกร่อนสุขภาพของมนุษย์  ส่งผลให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ มากมาย

ที่น่าตกใจคือ แม้แต่มนุษย์เองก็ไม่สามารถดื่มน้ำจากแหล่งน้ำธรรมชาติได้อย่างปลอดภัยอีกต่อไป  เราต้องพึ่งพาน้ำดื่มบรรจุขวด  ซื้อน้ำจากร้านสะดวกซื้อ  ซึ่งเป็นการเพิ่มภาระค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน

ถึงเวลาแล้วหรือยัง ที่เราจะหันมาตระหนักถึงปัญหา  และร่วมกันรณรงค์ลด ละ เลิก การใช้สารเคมีทางการเกษตร?

ผลกระทบจากการใช้สารเคมีในภาคการเกษตร

 1. การทำลายสิ่งแวดล้อม สารเคมีที่ถูกใช้ในไร่นาส่วนใหญ่มักซึมลงไปในดินและไหลลงสู่แหล่งน้ำตามธรรมชาติ ทำให้แม่น้ำลำธารกลายเป็นแหล่งน้ำที่ปนเปื้อนพิษ ส่งผลให้มนุษย์และสัตว์ไม่สามารถใช้ประโยชน์จากแหล่งน้ำเหล่านี้ได้เหมือนในอดีต

 2. การทำลายระบบนิเวศ พิษจากสารเคมีในน้ำส่งผลกระทบโดยตรงต่อสิ่งมีชีวิตในน้ำ เช่น กุ้ง หอย ปู ปลา ซึ่งเคยเป็นแหล่งโปรตีนที่สำคัญของคนไทย บางชนิดเริ่มสูญพันธุ์หรือจำนวนลดลงอย่างมาก ทำให้ชาวบ้านที่เคยพึ่งพาธรรมชาติต้องหันมาซื้อวัตถุดิบจากร้านค้าในราคาที่สูงขึ้น

 3. ต้นทุนชีวิตที่เพิ่มสูงขึ้น น้ำที่เคยดื่มได้โดยตรงจากธรรมชาติกลับไม่สามารถบริโภคได้อีกต่อไป ผู้คนจำเป็นต้องซื้อน้ำดื่มบรรจุขวดและน้ำสำหรับใช้ในครัวเรือนจากร้านสะดวกซื้อ นอกจากนี้ การหาซื้ออาหารทะเลหรืออาหารสดที่มีคุณภาพก็ยากขึ้นเพราะแหล่งอาหารธรรมชาติถูกทำลาย

 4. ผลกระทบต่อสุขภาพมนุษย์ การบริโภคอาหารหรือใช้น้ำที่ปนเปื้อนสารเคมีส่งผลต่อสุขภาพในระยะยาว เช่น โรคมะเร็ง โรคทางเดินหายใจ และโรคเรื้อรังอื่น ๆ

แนวทางการแก้ไขและการรณรงค์

 1. ส่งเสริมการเกษตรอินทรีย์ การใช้ปุ๋ยอินทรีย์และสารชีวภัณฑ์ที่ปลอดภัยช่วยลดผล กระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสร้างสมดุลให้ระบบนิเวศกลับคืนมา รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรสนับสนุนเกษตรกรให้เปลี่ยนมาใช้วิธีการเพาะปลูกแบบยั่งยืน

 2. การให้ความรู้แก่เกษตรกร การให้ความรู้เกี่ยวกับผลกระทบของสารเคมีและการนำเสนอทางเลือกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น การใช้สมุนไพรหรือการปลูกพืชหมุนเวียน จะช่วยให้เกษตรกรตระหนักถึงความสำคัญของการเปลี่ยนแปลง

 3. มาตรการทางกฎหมาย การควบคุมการใช้สารเคมีทางการเกษตรที่เป็นพิษอย่างเข้มงวด รวมถึงการออกกฎหมายที่ส่งเสริมการใช้ผลิตภัณฑ์ปลอดสารเคมี จะช่วยลดการปนเปื้อนในสิ่งแวดล้อมได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 4. การมีส่วนร่วมของชุมชน การสร้างความร่วมมือในชุมชนเพื่อพัฒนาการเกษตรแบบยั่งยืน เช่น การตั้งกลุ่มเกษตรกรอินทรีย์ การจัดกิจกรรมฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม และการแบ่งปันความรู้ เป็นหัวใจสำคัญของการรณรงค์

การมุ่งไปสู่อนาคตที่ยั่งยืน การลดการใช้สารเคมีในภาคการเกษตรไม่ใช่แค่เรื่องของการรักษาสิ่งแวดล้อม แต่เป็นการรักษาวิถีชีวิตที่สมดุลของมนุษย์และธรรมชาติ ความร่วมมือระหว่างเกษตรกร หน่วยงานภาครัฐ และประชาชนทั่วไปคือกุญแจสำคัญที่จะนำไปสู่อนาคตที่ยั่งยืน ที่ซึ่งผืนดิน ผืนน้ำ และสิ่งมีชีวิตทุกชนิดสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุขและยั่งยืน.

ดร.มนตรี บุญจรัส

ประธานกรรมการ บริษัท ไทยกรีนอะโกร จำกัด

ประธานชมรมเกษตรปลอดสารพิษแห่งประเทศไทย

×