เกษตรกรที่ทำบ่อเลี้ยงปลาไม่ว่าจะเป็นปลาดุก ปลาช่อน ปลาทับทิม ปลาสลิด ปลานิล ฯลฯ มักจะพบปัญหาคือเมื่อเลี้ยงปลาไปได้สักระยะน้ำจะเกิดสีเขียวเข้มหรือมีน้ำหนืดขึ้นจากเดิมโดยบ่อที่ผ่านการเลี้ยงมาเป็นปีหรือระยะเวลานานโดยไม่มีการล้างหรือทำความสะอาดเลยจะยิ่งทำให้น้ำเกิดอาการเน่าเสียได้เร็วยิ่งขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้ปลานั้นเกิดอาการเครียดและการขาดอากาศ หายใจได้ช้าโดยสีของน้ำที่มีอาการหนืดแลละเขียวเข้มนั้นเกิดจากการที่มีแพลงตอนค์หรือสาหร่ายในบ่อเพิ่มจำนวนในปริมาณที่มากหรือที่เรียกกันแพลงตอนค์บลูม
ซึ่งแพลงตอนค์หรือสาหร่ายนั้นจะเจริญเติบโตจากปุ๋ยที่อยู่ในน้ำได้แก่ก๊าซไนไตรท์นั้นเอง หลายคนอาจจะสงสัยว่าแล้วก๊าซไนไตรท์มาจากไหน ก๊าซไนตรท์นั้นเกิดจากก๊าซแอมโมเนียโดยมีที่มาจากโปรตีนในอาหารสัตว์ที่ให้สัตว์ในบ่อน้ำกินนั้นเองบ่อน้ำที่มีแพลงตอนค์หรือสาหร่ายที่มากเกินไปจะส่งผลให้ค่าpHในน้ำแกว่งคือน้ำในช่วงตอนกลางวันจะเป็นด่างและน้ำในช่วงตอนกลางคืนจะเป็นกรด การที่ค่าpHในน้ำเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาจะทำให้ปลาได้รับอ็อกซิเจนไม่เพียงพอ เกิดอาการเครียดเนื่องจากการปรับตัวที่มีอย่างต่อเนื่องส่งผลให้กินอาหารได้น้อยลง การเจริญเติบโตช้า อัตราการตายและสุขภาพไม่ดีสูง
วิธีการแก้ไขแบบง่ายๆ 1.ต้องหมั่นดูแลบ่อให้มีเศษอาหารตกค้างน้อยที่สุด
2.อย่าปล่อยปลาให้มีความหนาแน่นมาเกินไป
3.หมั่นดูดขี้เลน
4.การใช้จุลินทรีย์ในการย่อยสลายได้แก่ผลิตภัณฑ์ที่ชื่อว่า บาซิลลัส MT เป็นเชื้อบาซิลลัส ซับทิลลิส จะเน้นช่วยในการย่อยสลายอินทรียวัตถุ ขี้กุ้ง ขี้ปลา ขี้เลนใต้ก้นบ่อ ย่อยโปรตีนในอาหารที่สัตว์น้ำกินเหลือ หากใช้ควบคู่กับสเม็คไทต์ที่เป็นตัวหินแร่ภูเขาไฟที่ช่วยในการจับก๊าซแอมโมเนีย ก๊าซไนเตรทก๊าซไข่เน่า จึงช่วยลดการเกิดปัญหาน้ำเขียว น้ำหนืดในบ่อปลา ลดกลิ่นในบ่อน้ำ ช่วยปรับสภาพน้ำให้มีpHที่คงที่ ปลาในบ่อน้ำมีสุขภาพดี เจริญเติบโตได้ดียิ่งขึ้น และยังทำให้เกล็ดปลาสีสวนแข็งแรง โดยอัตราการใช้ตัวบาซิลลัส MT จะอยู่ที่1 กิโลกรัม / พื้นที่ 1 ไร่ และ อัตราการใช้สเม็คไทต์จะอยู่ที่ 20 กิโลกรัม / พื้นที่ 1 ไร่
หากสนใจข้อมูลเพิ่มเติมหรือต้องการปรึกษาปัญหาด้านการเกษตรปลอดสารพิษ ติดต่อสอบถามได้ที่ https://thaigreenagro.com/ บทความโดย นางสาวธารหทัย จารุเกษตรพร
ตำแหน่งนักวิชาการเกษตร บริษัทไทยกรีนอะโกร จำกัด

