การทำนาในประเทศไทย
เกษตรกรมีการปลูกข้าวนาปี หรือ ข้าวที่ต้องอาศัยน้ำฝนในการเพาะปลูก เป็นส่วนมาก
ซึ่งเพาะปลูกได้เพียงหนึ่งรอบต่อปี
เกษตรกรหลายรายจึงจำใจปล่อยแปลงนาของตนให้รกร้าง
ไม่ได้มีการใช้ประโยชน์อย่างเต็มประสิทธิภาพ จึงเป็นการเสียโอกาสในการสร้างรายได้เป็นอย่างมาก
แต่พี่น้องเกษตรกรในหลายๆพื้นที่ไม่ปล่อยให้พื้นที่นาว่างเปล่า
พวกเขาจะมีการรวมตัวกันเป็น วิสาหกิจชุมชน เพื่อผลิตผักสร้างรายได้เสริมหลังนา
เพื่อเพิ่มรายได้ให้กับพี่น้องภายในชุมชน
และเมื่อรวมกลุ่มกันแล้วก็ไม่ได้ปลูกผักแบบธรรมดาอย่างเช่นเกษตรกรทั่วไปที่ใช้สารเคมีโดยไม่สนข้อกำหนดหรือมาตรฐาน
สิ่งนี้เป็นผลเสียให้กับทั้งเกษตรกรเองและผู้บริโภคผักที่ต้องบริโภคผักที่อาจมีสารเคมีตกค้าง
จึงมีการร่วมกันทำการศึกษาและปฏิบัติในแนวทางเกษตรปลอดภัย
จนได้รับการรับรองมาตรฐานผักปลอดภัย หรือ GAP ที่เป็นมาตรฐานในการควบคุมการทำเกษตรปลอดภัยมาตรฐาน GAP ประกอบไปด้วย 8 ด้าน คือ
1.
การจัดการดินที่ดี มีการรักษา และปรับปรุงดินให้อุดมสมบูรณ์
2.
การจัดการน้ำ เลือกใช้ระบบการให้น้ำมีประสิทธิภาพสูง
3.
การผลิตพืช คัดเลือกพันธุ์หรือสายพันธุ์พืชที่ต้านทานโรคและแมลงศัตรู
4.
การป้องกันกำจัดศัตรูพืชให้มีประสิทธิภาพที่ปลอดภัย
5.
การเก็บเกี่ยวและการแปรรูปในระดับไร่นา
เก็บเกี่ยวผลผลิตในเวลาที่ถูกต้องเหมาะสม
6.
การจัดการน้ำมันเชื้อเพลิงและของเสียจากไร่นา
7.
สุขภาพและความปลอดภัยของเกษตรกรหรือผู้ปฏิบัติ
8.
ไม่ทำลายพันธุ์สัตว์ พันธุ์พืชป่าและสภาพภูมิประเทศ
ขั้นตอนการปลูกผักหลังนา
1.
หลังจากที่เกษรตกรเก็บเกี่ยวข้าวเรียบร้อยแล้ว
จะทำการหมักฟางข้าวที่อยู่ในแปลงนา โดยใช้จุลินทรีย์หน่อกล้วย 500 ลิตร ต่อ 1 ไร่
หมักทิ้งไว้ 7-14 วันและทำการไถกลบตอซังฟางข้าว
วิธีการนี้จะช่วยในเรื่องการลดมลพิษและสารเคมีตกค้างในแปลงนาอีกทั้งยังช่วยในเรื่องการใช้ธาตุอาหารพืชที่ได้จากตอซัง
ฟางข้าวอีกด้วย
2.
ทำการผานพรวน 1 ครั้ง ให้ก้อนดินละเอียด
แล้วทำการยกร่องและใช้โรตารีปั่นเพื่อให้เกิดความร่วนซุย
และเหมาะแก่การเพาะปลูกผัก
3.
การเพาะปลูกผักมีทั้งแบบย้ายกล้า และแบบหว่านเมล็ดขึ้นอยู่กับชนิดของผัก
ซึ่งการปลูกผักแบบที่ต้องหว่านเมล็ด เมื่อหว่านเมล็ดแล้ว
ต้องใช้ฟางข้าวในการคลุมดิน
รักษาความชุ่มชื้นของดินและป้องกันวัชพืชไม่ให้เจริญเติบโตแข่งกับผักนั้นเอง
เคล็ดลับ
ในการปลูกผักแบบย้ายกล้า
เมื่อถึงเวลาย้ายกล้า ให้ขุดหลุม รดน้ำในหลุม และปลูกกล้าลงในหลุม โดยการรดน้ำนั้น
ในช่วง 3 วันแรกให้รดน้ำทุกวัน และหลังจาก 3 วันแรกให้รดน้ำทุกๆ 2 วัน
แต่ต้องสังเกตความชื้นของดิน ความเหมาะสมของสภาพอากาศ ซึ่งในการรดน้ำนั้น
จะรดเฉพาะจุดแค่ภายในหลุม เพื่อประหยัดน้ำในการเพาะปลูกและป้องกันวัชพืช
จากการที่ทางกลุ่มเปลี่ยนมาปลูกผักแบบปลอดภัยตามมาตรฐาน
GAP ทำให้เกษตรกรมีรายได้ที่มากขึ้นจากการที่ใช้แปลงนาอย่างมีประสิทธิภาพ
และสามารถขายผักที่คุณภาพดีส่งขายตามห้างสรรพสินค้าชั้นนำ
ราคาผลผลิตจึงมีราคาเกือบ 2 เท่าเมื่อเทียบกับผักทั่วไป นอกจากจะขายได้ราคาสูงแล้ว
การปลูกผักปลอดภัยทำให้การทำการเกษตรของเกษตรกร และการบริโภคของผู้บริโภคมีความปลอดภัย
ห่างไกลจากสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ
นอกจากจะสามารถสร้างร้ายได้เพิ่มมากขึ้นจากการปลูกผัก GAP แล้ว
การเก็บและอัดฟางยังสามารถนำฟางไปใช้ประโยชน์ ได้หลายอย่าง เช่น ปุ๋ยหมัก
อาหารสัตว์ และวัสดุคลุมดินในการรักษาความชุ่มชื้น
ซึ่งการไถกลบตอซังยังเป็นการประหยัดต้นทุนอีกทางหนึ่ง
เป็นการเติมอินทรียวัตถุกลับคืนสู่ดิน ระบบนิเวศของแปลงนาจึงไม่เสีย มีตัวเบียน จุลินทรีย์
ที่มีประโยชน์ในการทำการเกษตร จึงเป็นการบำรุงดินให้แปลงนามีดินที่คุณภาพดี
ส่งผลให้ได้ผลผลิตสูง
สรุป
การปลูกผักหลังนาสามารถเพิ่มรายได้ให้พี่น้องเกษตรกร
แต่พี่น้องเกษตรกรต้องมีวิธีการปลูกผักที่มีมาตรฐาน (GAP) มีเทคนิคการปลูกผัก
ทั้งการประหยัดน้ำในการเพาะปลูกที่ช่วยในการลดต้นทุน
มีการนำฟางข้าวที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์นำมาต่อยอดใช้ประโยชน์
ซึ่งเป็นอีกช่องทางในการสร้างรายได้
ดังนั้นการทำการเกษตรที่ประสบความสำเร็จต้องมีวิสัยทัศน์ในการมองภาพให้กว้างไกล
เปิดใจปรับเปลี่ยนวิธีการทำการเกษตรให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
นางสาว คนึงนิจ หอมหวล
ตำแหน่งนักวิชาการเกษตร
บริษัทไทยกรีนอะโกร จำกัด
Line Official: https://lin.ee/3M1NXzfช่อง Youtube: https://youtube.com/@thaigreenagro-tga847เพจ Facebook: https://www.facebook.com/thaigreenagro?mibextid=LQQJ4dCall Center: 084-5554205-9ฝ่ายวิชาการ : 02-9861680-2เว็บไซต์: www.thaigreenagro.comTiktok: https://bit.ly/3vr5zdoTwitter: https://bit.ly/3q1DwQYShopee: https://shp.ee/kh94aiq
Lazada: https://bit.ly/2XkPgUr 