กระเทียมนั้นจัดอยู่ในตระกูลเดียวกันกับหอมหัวใหญ่ หอมแดง หอมแบ่งและกุ่ยฉ่าย กระเทียมนั้นเป็นทั้งพืชสมุนไพรและเครื่องเทศที่นำมาใช้ปรุงอาหาร ไม่ว่าจะเป็นอาหารไทยได้แก่ ผัด แกง ทอด ยำ และ ต้มยำ หรืออาหารฝรั่งนอกยังนี้กระเทียมนั้นยังมีประโยชน์ต่อร่างกายเพราะว่ามีวิตามินและแร่ธาตุหลายชนิด และยังเป็นพืชที่มีธาตุซีลีเนียมสูงกว่าพืชชนิดอื่น อีกทั้งยังมีสารอะดิโนซีนซึ่งสารตัวนี้เป็นกรดนิวคลีอิกที่เป็นตัวสร้าง DNAและRNA ของเซลล์ในร่างกาย และยังมีสารที่ช่วยต้านทานโรคมะเร็งได้ ลดระดับไขมันคอลเลสเตอรอลและน้ำตาลในเส้นเลือด สารป้องกันโรคหัวใจ ลดความดันโลหิต และ ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกาย
สำหรับในไทยนิยมปลูกกันมากในภาคเหนือและภาคตะวันออกฉียงเหนือ แต่จังหวัดที่ขึ้นชื่อว่ามีคุณภาพ และมีกลิ่นฉุนนั้นคงไม่พ้น จังหวัดศรีษะเกษ และพันธุ์ที่นิยมในการเพาะปลูกได้แก่1.พันธุ์เบา มีลักษณะหัวขนาดกลาง กลีบเท่ากัน เนื้อในมีสีขาว มีกลิ่นฉุน รสจัด อายุการเก็บเกี่ยวสั้น(ประมาณ75-90 วัน)ตัวอย่างพันธุ์นี้ได้แก่ พันธุ์พื้นเมืองศรีษะเกษ 2.พันธุ์กลาง มีลักษณะหัวขนาดใหญ่ สีเปลือกขาวอมม่วง อายุการเก็บเกี่ยวประมาณ 100-120 วัน ตัวอย่างพันธุ์นี้ได้แก่ พันธุ์พื้นเมืองเชียงใหม่ พันธุ์น้ำปาด พันธุ์บ้านโฮ่ง และ พันธุ์ปาย 3.พันธุ์หนักพันธุ์นี้จะนิยมนำไปทำกระเทียมแห้ง ตัวอย่างพันธุ์นี้ได้แก่ พันธุ์จีน และพันธุ์ไต้หวัน
โดยวิธีการการปลูกกระเทียม โดยเราจะนิยมขยายพันธุ์ด้วยกระเทียมกลีบนอกเพราะว่าจะให้ผลผลิตสูงและมีขนาดหัวที่ใหญ่ ซึ่งขนาดของกลีบจะมีอิทธิพลต่อการลงหัวกระเทียมและ มีการศึกษาพบว่า พันธุ์ที่มีกลีบใหญ่จะให้ใช้กลีบขนาดกลางและพันธุ์ที่มีขนาดเล็กจะให้ใช้กลีบขนาดใหญ่ เพื่อผลผลิตที่สูง ในการปลูกอาจจะมีการให้น้ำก่อนและใช้กลีบกระเทียมจิ้มลงโดยจะเอารากลงลึกประมาณ 2 ใน 3 ของกลีบและ ปลูกลงแถวตามระยะปลูกที่กำหนด หากปลูกเป็น 1 ไร่ เราจะต้องใช้หัวพันธุ์ทั้งหมด 100 กิโลกรัม หรือ 75-80 กิโลกรัม ซึ่งระยะในการปลูก 10x10 -15 เซนติเมตร จะให้ผลผลิตที่ดีที่สุด และหากใครต้องการจะปลูกกระเทียมจีนควรใช้ระยะห่าง 12-12 เซนติเมตร และหัวพันธุ์ 300-350 กิโลกรัม โดยดินที่ปลูกนั้นอาจจะเสริมด้วยตัวโดโลไมท์ผสมภูไมท์ซัลเฟตเหลืองด้วยก็ได้ เพราะทั้งสองตัวนี้นั้นจะช่วยในเรื่องของการปรับสภาพดินให้เหมาะแก่การเจริญเติบโตของพืชและมีธาตุอาหารรองที่จะช่วยให้พืชนั้นนำไปใช้ได้ หลังจาการปลูกเราจะใช้ฟางในการคลุมเพื่อเป็นการรักษาความชื้นและควบคุมวัชพืช
และปัญหาหลักในการปลูกกระเทียมนั้นจะเป็นโรคที่เกิดจากเชื้อราและแมลงศัตรูพืช ได้แก่ โรคใบเน่า โรคใบจุดสีม่วงที่เกิดจากเชื้อรา ไรหอมกระเทียม เพลี้ยไปหอม ที่เกิดจากแมลงตัวเล็กๆ โดยเราจะใช้อินดิวเซอร์ในการกำจัดและป้องกันเชื้อรา และใช้ตัวบูเวเรียในการกำจัดเพลี้ยไฟ ไรแดง วิธีการใช้อินดิวเซอร์และบูเวเรียนั้นจะเหมือนกัน โดยเราจะใช้ อินดิวเซอร์และบูเวเรีย อย่างละ 50 กรัม ต่อ น้ำ 20 ลิตร ผสมให้เข้ากันและฉีดพ่นในช่วงเย็นหรือช่วงเช้าที่มีแดดอ่อนหากมีข้อสงสัยหรือสอบถามข้อมูลรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถกดไปที่ลิงค์นี้ได้เลยค่ะ
นางสาวธารหทัย จารุเกษตรพร
ตำแหน่งนักวิชาการเกษตร บริษัทไทยกรีนอะโกร จำกัด