0

Your Cart

No products in the cart.
THAIGREENAGRO | ชมรมเกษตรปลอดสารพิษ
[agrikon_wc_ajax_search]

บำบัดน้ำให้สะอาดสอดคล้องประชากรกุ้งปลาลดปัญหาน้ำเน่าเสีย

เรื่องราวของวันนี้ก็คือการบำบัดน้ำให้สะอาดและสอดคล้องกับจำนวนหรือประชากรของกุ้ง หอย ปู ปลา เราจะพูดถึงเรื่องของการเลี้ยงสัตว์น้ำที่ดูที่ต้นเหตุสมัยก่อนอดีตเป็นราชดำรัสของในหลวงรัชกาลที่ 9 ท่านเคยดำรัสไว้ว่าถ้าเลี้ยงปลาก็ต้องดูน้ำ ปลูกพืชก็ต้องดูดิน ใครที่เลี้ยงกุ้ง หอย ปู ปลา สัตว์น้ำ ประกอบอาชีพฟาร์มมิ่งหรือประมงต่างๆเหล่านี้ สามารถที่จะทักทายเข้ามาได้ น้ำเขียว น้ำข้น น้ำหนืด น้ำเน่า บ่อมีตะกอน กุ้งมีตะไคร่ เป็นเมือก ก็ลองมาคุยกัน น้ำเปรียบเหมือนเป็นบ้านของกุ้ง หอย ปู ปลา ถ้าเป็นหอยยิ่งต้องดูทั้งน้ำและก็เลนหรือดินที่พื้นบ่อ การบำบัดน้ำที่ดีหมายความว่าเพื่อนๆจะต้องรู้ก่อนว่าการที่เราเอากุ้ง หอย ปู ปลา หลายพันตัว หลายหมื่นตัว หลายแสนตัวมาไว้ในบ่อ 1 ไร่ พูดตัวเลขกลมๆมันเป็นการฝืนธรรมชาติ ถ้าเราเอาแหไปเหวี่ยงในบ่อเลี้ยงเราจะได้ปลาจำนวนเยอะมากเพราะว่าประชากรของกุ้ง หอย ปูปลา ต่อตารางเมตร หนาแน่นกว่าห้วยหนองคลองบึงในธรรมชาติ ธรรมชาติเขาจะคัดสรรปั้นแต่ง แบ่งความสะสม แต่ในบ่อเลี้ยงกุ้ง เลี้ยงปลา

                การที่เราเอา กุ้ง หอย กุ้งไปล่อยไปทีหนึ่งนี่ 1-3 แสนตัว ต่อไร่ ปลาหลายหมื่นตัว ต่อไร่ น้ำจึงมีความสำคัญ ถ้าเราปล่อยไปตามธรรมชาติ โอกาสที่จะตายเดือน ตายเดือนหมายความว่าปล่อยไปแล้วอายุ 20-30 วัน กุ้ง ปลา ลูกกุ้งตัวเล็กๆ บอกแทบจะไม่เห็น เท่าเส้นด้ายบ้าง ก้านไม้ขีด พอโตขึ้นไซด์หรือขนาดมันก็ใหญ่ อาหารก็แย่งกันกิน ยิ่งเป็นระยะ 2-3 เดือน 4 เดือนยิ่งแล้วใหญ่ ความเครียดบวกกับอาหารที่ให้กันวันละ 3 มื้อ 4 มื้อ อาหารจะเป็นกลุ่มพวกโปรตีนสำเร็จรูปจากบริษัท ห้างร้านต่างๆ ซึ่งก็จะมีเปอร์เซ็นของโปรตีนเขียนข้างกระสอบ ก็ต้องแข่งเรื่องตัวเลขเป็นการตลาดเชิงตัวเลข อีกบริษัทหนึ่งมี 90 % อีกบริษัทหนึ่งก็ขายอาหารจะขายให้ดีกว่าก็ต้องบอกว่ามี 95 % โปรตีนที่มันมีความเข้มข้นมันก็มีผลต่อน้ำ มันมีผลตรงที่ว่าโปรตีนเวลาลำไส้กุ้ง ลำไส้ปลา มันยาวไม่กี่ขด มันสั้น เวลากินผ่านกระบวนการเผาผลาญย่อย โปรตีนที่มันสูง 90 กว่าเปอร์เซ็น มันย่อยไม่หมด เมื่อย่อยไม่หมดเวลาขี้ กุ้งขี้ ปลาขี้ มันตกหล่นไปที่พื้นบ่อ โปรตีนเหล่านี้บวกกับของเสีย บวกกับของเหลวที่สัตว์น้ำปล่อยออกมาในรูปแอมโมเนีย โปรตีนก็บูดเน่าเป็นแก๊ส แก๊สเมื่อมันมีประชากรของ กุ้ง หอย ปู ปลา เยอะๆมันก็ไปหมักหมมที่พื้นบ่อ บูดเน่า เลนเน่าหอยก็อยู่ลำบาก เพราะฉะนั้นคนที่เลี้ยงหอยแครงแถวสมุทรปราการ คนเลี้ยงกุ้งก้ามกราม ปลาสลิดแถวบางบ่อ เขาจะชอบใช้พวกสเม็คไทต์ ไคลน็อพติโลไลท์ เขาหว่านไปจับแก๊ส ส่วนใหญ่คนไม่รู้หรือมือใหม่ก็เลี้ยงแบบแก้ที่ปลายเหตุ แต่ถ้าเราบำบัดอยู่อย่างเข้าใจ คำว่าเข้าใจหมายความว่าตั้งแต่เดือนแรกเลย 2 สัปดาห์แรก ของเสียมันก็เกิด มันเหมือนเอาคนมาชุมนุม เมื่อมาชุมนุมหรือมาเที่ยวงานมหรสพ สนามหลวงหรืองานวัด เชื่อได้เลยว่ารุ่งเช้ามันจะเต็มไปด้วยขยะ พลาสติก ไม้เสียบลูกชิ้น อะไรต่างๆจะเต็มสนามหรือที่ๆมีงาน เพราฉะนั้นเราเอากุ้ง เอาปลา เอาหอยมาเลี้ยง ของเสียมันก็มีตั้งแต่วันแรก การที่เราปล่อยปะละเลยยิ่งไม่มีเครื่องตีน้ำ แบบใบพัดตีผิวน้ำ ยิ่งแล้วใหญ่เพราะไม่มีตัวช่วยของออกซิเจน ของเสียที่สัตว์น้ำเขาปล่อยทิ้งมาตั้งแต่วันแรกเขาก็มีผลกระทบในเชิงที่ทำให้น้ำมันบูดเน่า เพียงแต่ว่าตัวเขายังเล็ก ของเสียก็ยังไม่เข้มข้นมากพอ เวลาขี้ปลา ขี้กุ้ง หรือ ของเสียที่ขับมาจากพวกหอย พวกอะไรต่างๆ มันก็ไปสะสมบูดเน่า โปรตีนก็ตามวงจรหรือวัฏจักรก็คือจะค่อยๆเน่าสลายโดยทั้งแบคทีเรีย ทั้งจุลินทรีย์ หรือพวกแอคทีโนไมซิสต่างๆ หรือพวกสัตว์หน้าดินพวกเบนโทส ก็มาช่วยย่อย ก็เกิดแก๊ส โปรตีนก็จะย่อยสลายเปลี่ยนรูป โปรตีนจะบวมจะเน่า เราอยู่บนผิวน้ำก็มองไม่เห็น โปรตีนที่บูดบวมเน่าก็ทำให้เกิดกลิ่นเหม็น กลิ่นเหม็นมีทั้งแก๊สไข่เน่า แก๊สแอมโมเนีย ไนไตรท์ ทำให้เหงือกกุ้งอักเสบ เหงือกปลาอักเสบ ถ้ามีแอมโมเนียมากเข้าตาปลาก็มีสิทธิ์ที่จะบอด รวมถึงกุ้งด้วยเพราะว่าความเข้มข้นของ ของเสียที่มันสะสมมาก สังเกตได้พวกปลาดุก หรือช่วงใกล้จะจับขาย ช่วง 3 เดือนขึ้นไป อาการน้ำข้น ปลาตาย เจอน้ำแล้งด้วยยิ่งไปกันใหญ่ เพราะแอมโมเนียมันเยอะ แอมโมเนียถ้ามาก เข้มข้นเกินขึ้นไประดับ 4 ระดับ 5 คือถ้าเลข 1 เลข 2 ก็คือมีแอมโมเนียแล้ว มีแอมโมเนียที่เป็นอันตราย ถ้ามากเข้มข้น แอมโมเนียในน้ำหนาแน่นมากกว่าแอมโมเนียในกุ้ง ในปลา  ทำให้มันฉี่ไม่ออก แอมโมเนียเยอะ แสบตา ราคายเคืองเหงือก เป็นเหตุผลโดยรวมเหมือนเป็นโรคประสาท โรคประสาทคือโรคเครียด เมื่อกุ้ง หอย ปู ปลา ที่เลี้ยงอย่างหนาแน่น น้ำก็บูดเน่าเสีย ถ้าคนที่คิดได้อาจจะรู้สึกบาปทางใจ เลี้ยงจะส่งไปฆ่ายังทรมานกว่าจะจับไปขายอีก มันเครียด กินอาหารก็กินได้น้อย ตัวก็ไม่โต ภูมิคุ้มกันก็ลดน้อย ถอยลง โรคก็จะมา จับขายก็ได้เงินน้อย ปัญหาต่างๆล้วนแล้วมาจากน้ำ เพราะฉะนั้นการดูแลบำบัดน้ำเบื้องต้นน้ำควรมีให้มาก ปริมาณน้ำ ถ้าช่วงปล่อยใหม่ๆอาจจะสัก 80 เซนติเมตร อีกเดือนหนึ่งก็เป็น 100 เซนติเมตร 120 เซนติเมตร 180 เซนติเมตร ตามลำดับ เบื้องต้นจะต้องเพิ่มปริมาณน้ำ ให้สอดคล้องเหมาะสมและที่สำคัญควรมีบ่อพักน้ำ ที่อาจจะวนไปบำบัดจนสะอาดเพื่อเตรียมไว้เวลาเราถ่ายน้ำ การถ่ายน้ำก็ต้องค่อยๆถ่าย ไม่ใช่ว่าใส่ไปทีเดียวแบบฝนตก เคยสังเกตไหมเวลาฝนตกแล้วปลาตาย กุ้งตาย คือน้ำมันแยกชั้นกันน้ำฝนกับน้ำดิบเดิมมันก็เหมือนเอาแผ่นกระจกไปวางไว้ด้านบน เวลาแสงแดดส่องลงมาความร้อนใต้บ่อมีแต่พอสะท้องไปเป็นตัววี อุณหภูมิมันเด้งกลับ เหมือนเราไปนั่งในรถยนต์แล้วปิดกระจก แล้วดับเครื่อง รวมถึงพวกออกซิเจนต่างๆ ทำให้ถ้าไม่มีใบพัดเคล้าหรือตีน้ำก็ทำให้ปลาขาดอากาศไม่ใช่เพราะว่าเป็นน้ำฝน แต่มันแยกชั้นกัน อุณหภูมิมันแตกต่างอาจจะด้านบนเย็นด้านล่างอุ่น ฝนตกเราลองไปโดดลอยคอในคลอง ข้างล่างจะอุ่น แต่ผิวน้ำด้านบนจะเย็น เช่นเดียวกัน ปลากับกุ้งมันตัวเล็กกว่ามนุษย์ก็มีปัญหาได้ ถ้าใจมันเสาะมันก็ช็อค เพราะฉะนั้นปริมาณน้ำมีความสำคัญต่อเรื่องของการเลี้ยง กุ้ง หอย ปู ปลา อย่างน้อยการเติมน้ำ การเพิ่มน้ำเป็นการเจือจางของเสียให้มัน ท่านเป็นนักนักธุรกิจมีวันแรกมีของเสียท่านก็ควรต้องจัดหา ตรงนี้ก็สามารถที่จะใช้จุลินทรีย์ บางคนก็ไปใช้จุลินทรีย์อีเอ็ม กากน้ำตาล จุลินทรีย์ที่หมักด้วยของหวานต่างๆ ตรงนั้นเปรียบเหมือนไม่ได้แยกชั้น จุลินทรีย์ที่มันย่อยโปรตีนจากอาหารปลา ที่โปรตีนข้างกระสอบเยอะๆมันต้องเป็นพวกบาซิลลัสทับซิลิส บาซิลลัสทับซีลิสมีหลากหลายสปิชี ใช้บาซิลลัสที่คัดเลือกมาของชมรมเกษตรปลอดสารพิษมีชื่อว่า บาซิลลัสMT ลองเอาไปใช้ดูได้ตัวนี้พี่น้องเกษตรกรใช้กันมาเกือบ 20 ปี ลองเป็นทางเลือกว่าของไทยกรีนอะโกร หรือชมรมเกษตรปลอดสารพิษตัวนี้ทำเป็นมืออาชีพ ถ้าท่านจะเลี้ยงไว้ขายท่านต้องลงทุนตัวนี้ใช้ ครึ่งกิโลกรัมต่อบ่อ 1 ไร่ ทุกๆ 7 วัน เพราะว่าจุลินทรีย์มันจะมีช่วงการตาย การเกิด การโต 7 วันมันจะตายมากกว่าเกิด วันแรกจะปรับตัว วันที่ 2 จะเพิ่มจำนวนทวีคูณ จาก 2 เป็น 4 เป็น 6 เป็น 8 วันที่ 3-4-5-6 จะคงที่ วันที่ 7 จะตายมากกว่าเกิด คนที่เลี้ยงกุ้ง หอย ปู ปลา วันที่ 7 จะเติมจุลินทรีย์ ให้มันเป็นเส้นตรงไม่ให้มันดรอปลงมา 7 วัน ใส่ 1 ครั้ง จุลินทรียตัวนี้กิโลกรัมละ 150 บาท ใส่อาทิตย์ละครึ่งกิโลกรัม ก็จะช่วยให้น้ำถูกบำบัด ถูกทำความสะอาดพื้นบ่อ ปลานั้นไม่มีโอกาสน็อคหรือเครียด ตัวนี้คือตัวที่ช่วยบำบัดน้ำให้สะอาดอย่างสม่ำเสมอต้องใช้ตัวช่วยเพราะถ้าเราทำฝืนธรรมชาติเอากุ้ง หอย ปู ปลา มาเลี้ยงหลายหมื่นตัวก็ต้องใช้จุลินทรีย์ อีกตัวหนึ่งที่ช่วยจับแก๊ส แก๊สมันคือมวลอากาศที่เป็นพิษ จุลินทรีย์มันไปจับไม่ได้ ตัวนี้มืออาชีพแถวฉะเชิงเทรา ระยอง จันทบุรี ตราด ประจวบคีรีขันต์ หรือ แถวภูเก็ต พังงา สุราษฎร์ธานี ที่เลี้ยงกุ้งสมัยก่อนก็จะใช้สเม็คไทต์ สเม็คไทต์เป็นหินแร่ภูเขาไฟ เพื่อนๆถ้าเป็นแฟนคลับกันมานาน 10 กว่าปีก็จะรู้จักสเม็คไทต์ ตัวที่เป็นพรีเมี่ยมเกรดขึ้นหน่อยก็จะเป็นตัวสเม็คโตไทต์กับไคลน็อพติโลไลท์ความแตกต่างของตรงนี้คือ C.E.C. คือค่าความจับตรึงมันสูงกว่า ตัวสเม็คไทต์ค่า C.E.C. จะอยู่ที่ 110 มันสามารถจับตรึงได้มาก การใช้สเม็คไทต์จะช่วยทำให้บรรยากาศแก๊ส กลิ่นต่างๆของกุ้ง ปลา หอย เขาไม่เครียด ก็จะเจริญเติบโตได้รวดเร็ว การใช้ การดูแล การบำบัดพวกนี้ จะช่วยของการเลี้ยง กุ้ง หอย ปู ปลา แบบมืออาชีพ ทำได้ดี แต่ถ้าเราเลี้ยงไว้รับประทาน เลี้ยงแบบครัวเรือน กินกันเองก็แนะนำว่าปล่อย และก็พยายามเติมน้ำให้จำนวนมาก   

มนตรี  บุญจรัส

ชมรมเกษตรปอลดสารพิษ www.thaigreenagro.com

×