ดินแน่นแข็งถือเป็นเพชฌฆาตเงียบที่สามารถคุกคามผลผลิตทางการเกษตรของคนไทยมาอย่างต่อเนื่อง การเกิดดินแน่นแข็งเกิดจากการใช้เครื่องจักรหนัก การเตรียมดินที่ไม่เหมาะสมหรือดินที่ใช้เพาะปลูกขาดอินทรียวัตถุ ทำให้ช่องว่างระหว่างเม็ดดินและอากาศลดลง ซึ่งผลต่อพืชโดยตรงคือ
1.การแผ่ขยายของรากถูกจำกัด เมื่อรากไม่สามารถแทงทะลุชั้นดินแข็งออกไปได้การดูดซึมน้ำและธาตุอาหารจะลดลง
2.การระบายอากาศและน้ำไม่ดี เมื่อดินมีการอุ้มน้ำที่มากเกินไปจะทำให้รากขาดอากาศหายใจและเกิดภาวะนำขังซึ่งจะส่งผลต่อรากและเกิดโรคได้
3.การดูดซึมธาตุอาหารลดลงดินที่ขาดอากาศทำให้กิจกรรมของจุลินทรีย์มีประโยชน์ลดลง การเปลี่ยนรูปและการดูดซึมธาตุอาหารจึงด้อยประสิทธิภาพ ดังนั้นการใช้ภูไมท์ซัลเฟตจึงเป็นกุญแจในการแก้ปัญหาดินแน่นแข็ง เนื่องจากภูไมท์ซัลเฟตนั้นเป็นกลุ่มหินแร่ภูเขาไฟที่มีความเป็นรูพรุนสูงสามารถกักเก็บและปลดปล่อยธาตุอาหารได้ตามที่พืชต้องการและยังมีธาตุอาหารเสริมและธาตุอาหารรองที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของพืช
การทำงานภูไมท์ซัลเฟตในการแก้ปัญหาดินแน่นแข็งนั้นมีกลไกสำคัญดังนี้
1.การปรับปรุงโครงสร้างทางกายภาพของดิน ภูไมท์ซัลเฟตจะทำหน้าที่ช่วยปรับสภาพโครงสร้างดินให้ช่องว่างในดินมากยิ่งขึ้นทำให้ดินร่วนซุย ช่วยในการถ่ายเทอากาสและน้ำ ช่วยให้พืชหายใจได้สะดวกและปัญหาการขาดออกซิเจนในราก และยังสามารถทำให้น้ำไหลลงสู่ชั้นใต้ดินได้ดีโดยไม่มีน้ำขังบนผิวดินทำให้โอกาสการเกิดโรคลดน้อยลง
2.การจัดการปัญหาดินเค็มและดินด่าง ภูไมท์ซัลเฟตที่มีฤทธิ์เป็นกรดอ่อนๆจึงมีบทบาทในการช่วยไล่เกลือ:ประจุซัลเฟตจะเข้าจับกับเกลือโซเดียมในดินเค็ม ทำให้เกลือถูกชะล้างออกไปจากเขตรากพืชได้ง่ายขึ้น และช่วยปรับpH ช่วยลดความเป็นด่างของดิน (Alkaline Soil) ให้อยู่ในระดับที่พืชสามารถดูดซึมธาตุอาหารที่สำคัญได้ดียิ่งขึ้น และ
3.การเพิ่มธาตุอาหารรองที่จำเป็น เนื่องจากภูไมท์ซัลเฟตนั้นมีทั้งธาตุแคลเซียม แมกนีเซียม กำมะถัน ทองแดง รววมไปถึง ซิลิก้าที่ช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กับผนังเซลล์พืช อัตราการใช้ภูไมท์ 20 กิโลกรัม/พื้นทที่ 1 ไร่ การใช้ภูไมท์ซัลเฟตจึงไม่ใช่แค่การแก้ปัญหาดินแน่นแข็ง แต่คือการลงทุนในโครงสร้างดิน ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของการเกษตรที่ยั่งยืน และเป็นก้าวสำคัญในการ “พลิกฟื้นผืนดิน” ให้กลับมาอุดมสมบูรณ์และพร้อมมอบผลผลิตที่ดีที่สุดให้กับเกษตรกรทุกคน
หากสนใจข้อมูลเพิ่มเติมหรือต้องการปรึกษาปัญหาด้านการเกษตรปลอดสารพิษ ติดต่อสอบถามได้ที่ https://thaigreenagro.com/
บทความโดย นางสาวธารหทัย จารุเกษตรพร
ตำแหน่งนักวิชาการเกษตร บริษัทไทยกรีนอะโกร
