ในห้วงช่วงที่ผ่านมาหลายสิบปี ได้มองเห็นวิวัฒนาการภาคการเกษตรของไทยเราที่ทำการเกษตรแบบพึ่งพาเครื่องจักรและสารเคมีตลอดมา ส่งผลทำให้ผืนดินแผ่นน้ำเสื่อมโทรมลงทุกขณะ ต้นทุนการใช้พลังงาน การใช้สารเคมี โดยวิธีการดังกล่าว ทำให้ต้นทุนพี่น้องเกษตรกรมีแต่เพิ่มสูงขึ้น ระบบนิเวศสิ่งแวดล้อมถูกทำลาย จึงได้พยายามส่งเสริมการใช้ “จุลินทรีย์ขี้ควาย” เพื่อเป็นทางเลือกให้แก่พี่น้องเกษตรกร โดยมีหลักคิดว่า ปู๋ ย่า ตา ยาย แต่โบราณกาลมา ไม่เห็นต้องนำเข้าจุลินทรีย์จากต่างประเทศ ตอซัง ฟางข้าว อินทรีย์วัตถุต่าง ๆ ก็ย่อยสลายกลายเป็นปุ๋ยปลูกข้าว ปลูกผักผลไม้ เลี้ยงพวกเราจนเติบใหญ่มาไม่รู้กี่รุ่นต่อกี่รุ่น ทำไมจะต้องให้ความสำคัญกับจุลินทรีย์ต่างถิ่น ทำไมไม่สนับสนุนส่งเสริมจุิลินทรีย์ไทย ลงแปลงนาไทย ตามวิถิของสิ่งมีชีวิตที่จะเจริญเติบโต ทำงานได้ดีแบบ ถิ่นใคร ถิ่นมัน
แนวคิดการนำทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่ในฟาร์มมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดเป็นแนวทางสำคัญในเกษตรกรรมยุคใหม่ที่เน้นความยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม หนึ่งในทรัพยากรที่น่าสนใจคือ จุลินทรีย์จากขี้ควาย ซึ่งเป็นสัตว์เคี้ยวเอื้องที่มีระบบการย่อยอาหารแบบพิเศษคือใช้กระเพาะสี่ห้อง หรือบางคนเรียกสี่กะพราะ ด้วยในกระบวนการย่อยอาหารของควาย มีจุลินทรีย์หลากหลายชนิดที่มีบทบาทสำคัญในการย่อยสลายอินทรียวัตถุอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งสามารถนำมาประยุกต์ใช้ในงานเกษตรได้อย่างหลากหลาย ดังนี้:
1. การย่อยสลายตอซังและฟางข้าว
ในระบบการปลูกข้าว หลังการเก็บเกี่ยวจะเหลือตอซังและฟางข้าวปริมาณมาก ซึ่งหากปล่อยทิ้งไว้จะก่อให้เกิดปัญหาการหมักหมมและปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก หากใช้จุลินทรีย์จากขี้ควายในการย่อยสลาย จะช่วยเร่งกระบวนการย่อยสลายของตอซังและฟางข้าวให้กลายเป็นอินทรียวัตถุที่พร้อมปลดปล่อยธาตุอาหารกลับคืนสู่ดิน นอกจากนี้ยังลดต้นทุนการเผาทำลายฟางข้าวซึ่งอาจก่อมลพิษทางอากาศได้
2. การผลิตปุ๋ยหมักและปุ๋ยคอกคุณภาพสูง
จุลินทรีย์จากขี้ควายสามารถนำมาใช้ในกระบวนการหมักอินทรียวัตถุ เช่น เศษฟางข้าว เศษพืช และมูลสัตว์ เพื่อผลิตปุ๋ยหมักและปุ๋ยคอกคุณภาพสูงที่อุดมไปด้วยจุลินทรีย์ที่เป็นประโยชน์สำหรับพืช การหมักที่ใช้จุลินทรีย์เหล่านี้ช่วยเพิ่มความรวดเร็วในการย่อยสลาย และสร้างปุ๋ยที่มีความสมบูรณ์ของธาตุอาหารที่จำเป็นต่อพืชมากขึ้น
3. เพิ่มความอุดมสมบูรณ์ของดิน
จุลินทรีย์ในขี้ควายไม่เพียงช่วยย่อยสลายอินทรียวัตถุเท่านั้น แต่ยังมีส่วนช่วยปรับปรุงโครงสร้างดิน เพิ่มความร่วนซุย และเพิ่มปริมาณจุลินทรีย์ที่เป็นประโยชน์ในดิน ซึ่งส่งผลดีต่อการเจริญเติบโตของรากพืช และช่วยลดปัญหาดินเสื่อมโทรมที่มักพบในพื้นที่เกษตรกรรม
4. ลดการใช้สารเคมีในฟาร์ม
การใช้จุลินทรีย์ธรรมชาติเพื่อปรับปรุงดินและฟื้นฟูพื้นที่เกษตรกรรมช่วยลดการพึ่งพาสารเคมี เช่น ปุ๋ยเคมีและยาฆ่าเชื้อรา นอกจากจะช่วยลดต้นทุนการผลิตแล้ว ยังช่วยให้ผลผลิตมีคุณภาพปลอดภัยต่อผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม
5. การประยุกต์ใช้ในวงการเกษตรอื่นๆ
• การเลี้ยงสัตว์: จุลินทรีย์จากขี้ควายสามารถนำมาใช้ในระบบบำบัดมูลสัตว์ ลดกลิ่นเหม็น และช่วยปรับสภาพของเสียให้เหมาะสมกับการนำไปใช้เป็นปุ๋ย
• การบำบัดน้ำเสีย: จุลินทรีย์เหล่านี้ยังช่วยในกระบวนการบำบัดน้ำเสียที่เกิดจากการทำเกษตรหรือฟาร์มปศุสัตว์ ช่วยลดสารอินทรีย์และปรับสภาพน้ำให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน
สรุป
การนำจุลินทรีย์จากขี้ควายมาใช้ในเกษตรกรรมเป็นอีกหนึ่งแนวทางที่ช่วยสร้างความยั่งยืนให้กับระบบการเกษตร ช่วยลดต้นทุน เพิ่มผลผลิต และรักษาสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกัน การศึกษาค้นคว้าและส่งเสริมการใช้ทรัพยากรธรรมชาติในท้องถิ่นอย่างเหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ควรได้รับการสนับสนุน เพื่อพัฒนาการเกษตรไทยให้เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนในอนาคต
ดร.มนตรี บุญจรัส
ประธานกรรมการ บริษัท ไทยกรีนอะโกร จำกัด
ประธานชมรมเกษตรปลอดสารพิษแห่งประเทศไทย