ไคลน็อพติโลไลท์ ตัวช่วยกู้น้ำใสในบ่อปลากะพง

ไคลน็อพติโลไลท์มีบทบาทที่สำคัญอย่างมากในการบบำบัดน้ำเสียในบ่อเลี้ยงปลากะพง เพราะว่าไคลน็อพติโลไลท์นั้นมีหน้าที่ในการดูดซับแก๊สโดยใช้วิธีแลกปลี่ยนไอออน(C.E.C)เพื่อกำจัดแก๊สพิษที่มีอันตรายในน้ำต่อปลา โดยไคลน็อพติโลไลท์นั้นจัดเป็นกลุ่มซีดอไลท์หรือกลุ่มหินแร่ภูเขาไฟที่มีค่าC.E.C.สูงถึง 220 meq/ 100 g ที่มีคุณสมบัติเด่นคือการกำจัดแอมโมเนียซึ่งเป็น สารพิษที่เกิดจากของเสีย และเศษอาหารที่เหลือใต้ก้นบ่อดูดจับแก๊สไนไตรทที่เป็นแหล่งของการเกิดน้ำเขียว น้ำหนืดและน้ำเป็นฝ้าดูดจับแก๊สไข่เน่าที่เป็นแหล่งเกิดดินเน่า กลิ่นเหม็นในบ่อช่วงตากบ่อรวมไปถึงยังสามารถดูดจับโลหะหนักที่อาจปนเปื้อนมาจากน้ำและอาหารได้อีกด้วย ดังนั้นการใช้ไคลน็อพติโลไลท์จะทำหน้าที่เสมือน "เครื่องกรอง"ที่ดึงแก๊สพิษออกจากมวลน้ำได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพสูงลดความเป็นพิษในน้ำได้ทันที

 นอกจากนี้การใช้ไคลน็อพติโลไลท์โดยตรงส่งผลต่อประสิทธิภาพในการเลี้ยงปลากะพงในหลายด้าน 1.เพิ่มอัตราการอดชีวิตเมื่อระดับสารพิษในน้ำลดลงระดับความเครียดทางสสรีระของปลาก็ลดลงตาม และยังลดโอกาสในการเกิดโรค และ ปลาน็อคน้ำตายได้

2.ส่งสริมการเจริญเติบโตของปลาเมื่อปลาอยู่ในสภาพน้ำที่ดีก็จะมีสุขภาพที่สมบูรณ์  กินอาหารได้มากยิ่งขึ้น มีประสิทธิภาพการเปลี่ยนอาหารเป็นเนื้อที่สูงขึ้นส่งผลให้ปลาโตเร็วและได้น้ำหนักตามเป้าหมาย

3.ช่วยปรับปรุงเสถียรภาพน้ำ ช่วยให้ค่าpHน้ำมีความคงที่และยังทำให้ระบบนิเวศสมดุล

เกษตรกรสามารถใช้ไคลน็อพติโลไลท์ในบ่อเลี้ยงปลากะพงได้หลายวิธี 1.การหว่านลงบ่อที่สามารถใช้ได้ทั้งช่วงตากบ่อและช่วงเลี้ยงปลา โดยสามารถใช้ได้ทั้งแบบผงและแบบเม็ดจากนั้นหว่านลงไปในบ่อโดยตรงเพื่อทำหน้าที่บำบัดน้ำเสียและบำบัดก้นเบื่อในช่วงการตากบ่อโดยเฉพาะในช่วงที่มีแอมโมเนีย หรือดินเน่าเริ่มสูง 2.ใช้เป็นวัสดุกรองสำหรับระบบน้ำหมุนเวียน สามารถใช้บรรจุในถังกรองเพื่อเป็นสื่อกลางในการดักจับแอมโมเนียอย่างต่อเนื่องอัตราการใช้ไคลน็อพติโลไลท์ 10 kg/พื้นที่ 1 ไร่  แนะนำให้ใช้บาซิลลัสMTในช่วงเช้าที่มีแดดอ่อนเพื่อการทำงานที่มีปะสิทธิภาพ

 หากสนใจข้อมูลเพิ่มเติมหรือต้องการปรึกษาปัญหาด้านการเกษตรปลอดสารพิษ ติดต่อสอบถามได้ที่ https://thaigreenagro.com/ บทความโดย นางสาวธารหทัย จารุเกษตรพร ตำแหน่งนักวิชาการเกษตร บริษัทไทยกรีนอะโกร