ดินเปรียบเสมือนบ้านของพืช
หากบ้านไม่ดี พืชก็ย่อมไม่อาจเติบโตได้อย่างเต็มที่ "ความอุดมสมบูรณ์ของดิน"
จึงเป็นกุญแจสำคัญที่ส่งผลโดยตรงต่อผลผลิตทางการเกษตร แต่รู้หรือไม่ว่า
นอกจากธาตุอาหารแล้ว "สภาพความเป็นกรด-ด่าง"
ของดินก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่กำหนดชะตาชีวิตของพืชเช่นกัน
ดินจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่มีบทบาทโดยตรงต่อการเจริญเติบโตของพืช
เนื่องจากเป็นแหล่งธาตุอาหาร น้ำ และที่ยึดเกาะของรากพืช อย่างไรก็ตาม
คุณสมบัติของดินที่ไม่เหมาะสม เช่น ดินที่มีความเป็นกรดจัด ด่างจัด
หรือเค็มมากเกินไป จะส่งผลเสียต่อพืชโดยตรง ทั้งในด้านการดูดซึมสารอาหารและการเจริญเติบโตโดยรวม
นอกจากนี้ยังทำให้ต้องสิ้นเปลืองปุ๋ยโดยไม่เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
บทความนี้จะกล่าวถึงคุณสมบัติของดินที่ไม่เหมาะสมและผลกระทบที่ตามมาอย่างละเอียด
1.
ดินเปรี้ยว (กรดจัด) เกิดจากการสะสมของไฮโดรเจนไอออน (H+) ในดินมากเกินไป มักพบในพื้นที่ฝนตกชุก
ดินที่มีค่าความเป็นกรด-ด่าง (pH) ต่ำกว่า 5.5
ถูกจัดว่าเป็นดินกรดจัด ซึ่งเกิดจากปัจจัยหลายประการ เช่น
การสะสมของกรดอินทรีย์ในดิน การปลูกพืชเชิงเดี่ยวเป็นเวลานาน
หรือการใช้ปุ๋ยเคมีในปริมาณสูงอย่างต่อเนื่อง
ดินเปรี้ยวส่งผลกระทบต่อพืช
คือทำให้การละลายของธาตุอาหารบางชนิด เช่น อลูมิเนียม (Al) และเหล็ก (Fe) จะเพิ่มขึ้น
ซึ่งส่งผลเสียต่อรากพืชและการเจริญเติบโต ธาตุอาหารที่จำเป็น เช่น แคลเซียม (Ca)
และแมกนีเซียม (Mg) ถูกชะล้างออกจากดิน
ทำให้พืชขาดธาตุอาหารที่สำคัญการดูดซึมฟอสฟอรัส (P) ของพืชลดลง
เนื่องจากฟอสฟอรัสจะเกิดปฏิกิริยากับธาตุเหล็กหรืออลูมิเนียมจนตกตะกอน
ดินกรดจัดนี้จะไปขัดขวางการดูดซึมธาตุอาหารที่จำเป็นของพืช โดยเฉพาะฟอสฟอรัส
ทำให้รากพืชถูกทำลาย แม้ใส่ปุ๋ยมากแค่ไหน
พืชก็ไม่สามารถนำไปใช้ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
2. ดินที่มีความเป็นด่างจัด ดินด่าง
เกิดจากการสะสมของแคลเซียมคาร์บอเนตและแมกนีเซียมคาร์บอเนต ดินชนิดนี้จะทำให้ธาตุอาหารบางชนิด เช่น เหล็ก
สังกะสี แมงกานีส ละลายน้ำยาก พืชจึงไม่สามารถดูดซึมไปใช้ได้ แม้ใส่ปุ๋ยที่มีธาตุเหล่านี้ พืชก็จะแสดงอาการขาดธาตุอาหารอยู่ดี
ดินที่มีค่าความเป็นกรด-ด่าง (pH) สูงกว่า 8.0 ถือว่าเป็นดินด่างจัด
ซึ่งมักเกิดในพื้นที่ที่มีการสะสมของเกลือและโซเดียมในดิน
หรือในพื้นที่ที่มีการระเหยน้ำสูง ส่งผลกระทบต่อพืช ทำให้ธาตุอาหารบางชนิด เช่น
เหล็ก (Fe) แมงกานีส (Mn) และสังกะสี (Zn)
จะตกตะกอนหรืออยู่ในรูปที่พืชดูดซึมไม่ได้ ส่งผลให้พืชขาดธาตุอาหาร
โครงสร้างของดินในสภาพด่างจัดมักเป็นดินที่แน่นแข็ง
ทำให้รากพืชไม่สามารถเจริญเติบโตและแผ่ขยายได้ดี
พืชที่ปลูกในดินด่างมักแสดงอาการใบเหลืองและแคระแกร็นเนื่องจากการขาดธาตุอาหาร
3. ดินเค็ม
เกิดจากการสะสมของเกลือในดินในปริมาณสูง
ซึ่งมักพบในพื้นที่ลุ่มต่ำหรือบริเวณใกล้ชายฝั่งทะเล พื้นที่แห้งแล้ง
น้ำทะเลหนุนสูง หรือมีการใช้ปุ๋ยเคมีมากเกินไป
สาเหตุสำคัญของดินเค็มคือการระเหยของน้ำในพื้นที่แห้งแล้ง
และการใช้น้ำชลประทานที่มีความเค็มสูง
ความเค็มในดินจะทำให้พืชสูญเสียน้ำ
รากพืชดูดน้ำได้ยาก
ส่งผลให้พืชเหี่ยวเฉา
แม้ได้รับน้ำอย่างเพียงพอ
ดินเค็มส่งผลกระทบต่อพืช คือ
เกลือในดินขัดขวางการดูดน้ำของรากพืช ส่งผลให้พืชเกิดภาวะเครียดน้ำ
แม้ดินจะมีน้ำเพียงพอ เกลือที่สะสมในรากพืชอาจเป็นพิษต่อพืชโดยตรง
ทำให้การเจริญเติบโตลดลง การดูดซึมธาตุอาหาร เช่น โพแทสเซียม (K) ลดลง เนื่องจากถูกแทนที่ด้วยโซเดียม (Na) ในดิน
ในดินที่มีคุณสมบัติไม่ดี
ดังที่ได้กล่าวมาทั้งหมด ส่งผลให้การใส่ปุ๋ยมักไม่ได้ผลตามที่คาดหวัง
เนื่องจากปุ๋ยที่ใส่ลงไปอาจ ไม่ละลายหรือถูกดินตรึงไว้ ทำให้พืชดูดซึมไม่ได้
ถูกชะล้างออกจากดินอย่างรวดเร็วในกรณีของดินกรดจัดหรือดินทราย
สูญเสียคุณค่าในดินเค็มและดินด่างเนื่องจากปฏิกิริยากับเกลือหรือแร่ธาตุอื่นๆ
ผลที่ตามมาคือเกษตรกรต้องใส่ปุ๋ยในปริมาณมากขึ้นเพื่อชดเชยการสูญเสีย
ซึ่งเพิ่มต้นทุนการผลิตโดยไม่เพิ่มผลผลิตตามที่ต้องการ
แนวทางแก้ไข
- ดินกรดจัด
ปรับปรุงดินด้วยการใส่กลุ่มวัสดุปูน เช่น ปูนมาร์ล ปูนขาว ปูนโดโลไมต์ ปูนฟอสเฟต
เป็นต้น เพื่อเพิ่มค่า pH และเติมธาตุอาหารที่ขาดv
- ดินด่างจัด:
ปรับปรุงดินด้วยสารปรับปรุงดิน เช่น กำมะถัน ยิปซั่ม
ภูไมท์ซัลเฟตถุงสีแดงใส่วัสดุอินทรีย์ เช่น ปุ๋ยหมัก เพื่อช่วยปรับโครงสร้างดิน
- ดินเค็ม: ใช้หินแร่ภูเขาไฟเพื่อให้สร้างความต้านทาน
การใช้น้ำชลประทานคุณภาพดีล้างเกลือออกจากดิน และเลือกปลูกพืชที่ทนเค็มได้ เช่น
ข้าวบาร์เลย์หรือถั่วชนิดต่างๆ
- เลือกใช้ปุ๋ยอย่างเหมาะสม:
เลือกปุ๋ยให้ตรงกับชนิดของพืชและสภาพของดิน
-
ใช้วิธีการให้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพ:
เช่น ระบบน้ำหยด เพื่อลดการสูญเสียน้ำและปุ๋ย
สรุปคือ ดินที่มีคุณสมบัติไม่เหมาะสม
เช่น ดินกรดจัด ด่างจัด และเค็ม เป็นอุปสรรคสำคัญต่อการเจริญเติบโตของพืช
เพราะทำให้พืชดูดซึมธาตุอาหารไม่ได้
ส่งผลให้พืชไม่สมบูรณ์และเกษตรกรต้องเสียค่าใช้จ่ายในการใส่ปุ๋ยเพิ่มขึ้น
การปรับปรุงดินจึงเป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยให้พืชเจริญเติบโตได้ดีขึ้น
พร้อมทั้งลดต้นทุนการผลิตในระยะยาว
ดร.มนตรี บุญจรัส
ประธานกรรมการ บริษัท ไทยกรีนอะโกร
จำกัด
ประธานชมรมเกษตรปลอดสารพิษแห่งประเทศไทย
#ผู้ติดตาม #เกษตรอินทรีย์ #เกษตรปลอดภัย #สารชีวภัณฑ์
#ป้องกันแมลง #เกษตรพอเเพียง #เกษตรปลอดสาร #เกษตรกร #เกษตรกรรุ่นใหม่
#เกษตรผสมผสาน #ไทยกรีนอะโกร #ไทยกรีนอะโกรชมรมเกษตรปลอดสารพิษ #อย่าปิดกันการมองเห็น