ในชีวิตประจำวัน เราสัมผัสกับสารเคมีมากมาย ตั้งแต่ของใช้ในครัวเรือน ยา อาหาร ไปจนถึงผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร หลายคนอาจเข้าใจว่า สารเคมีที่ใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น สบู่ ยาสีฟัน แชมพู ปลอดภัย ไร้สารตกค้าง ไม่เป็นอันตรายร้ายแรงเหมือนสารเคมีกำจัดศัตรูพืช แต่ความจริงแล้ว สารเคมีทุกชนิดล้วนมีโอกาสก่อให้เกิดอันตรายได้ หากใช้ไม่ถูกวิธี หรือมีการสะสมในปริมาณมากเกินไป
สารเคมีที่ใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น สบู่ ยาสีฟัน แชมพู แม้จะผ่านการทดสอบความปลอดภัยแล้ว แต่ก็ยังมีโอกาสก่อให้เกิดอาการแพ้ ระคายเคือง หรือปัญหาสุขภาพอื่นๆ ได้ เช่น สาร SLS (Sodium Lauryl Sulfate) ในสบู่ แชมพู อาจทำให้ผิวแห้ง ระคายเคือง สารกันเสีย พาราเบน ในเครื่องสำอาง อาจรบกวนระบบฮอร์โมน น้ำหอมสังเคราะห์ ในผลิตภัณฑ์ต่างๆ อาจก่อให้เกิดอาการแพ้
สารเคมีที่เกี่ยวข้องกับการเกษตรมีบทบาทสำคัญในการเพิ่มผลผลิต แต่ก็สร้างความกังวลเรื่องความปลอดภัยต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม การทำความเข้าใจความแตกต่างระหว่าง สารเคมีที่ปลอดภัย และ สารเคมีที่มีพิษตกค้าง จึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเกษตรกรและผู้บริโภคทั่วไป
เบื้องต้นจึงขอกล่าวถึง สารเคมีที่ปลอดภัย เช่น ปุ๋ยเคมี ปุ๋ยน้ำ และอาหารเสริมพืช มีบทบาทสำคัญในกระบวนการเจริญเติบโตของพืช ซึ่งเปรียบได้กับผลิตภัณฑ์ที่เราใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น สบู่ ยาสีฟัน หรือแชมพูสระผม ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยเสริมสร้างสุขภาพโดยรวม โดยมีจุดเด่น คือ ไม่มีพิษตกค้างร้ายแรง สารเหล่านี้ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อทำลายสิ่งมีชีวิต เช่น แมลงหรือวัชพืช จึงมีความปลอดภัยต่อมนุษย์และสิ่งแวดล้อมเมื่อใช้อย่างถูกวิธี เป็นประโยชน์ต่อพืช คือ ช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโต เพิ่มความแข็งแรงของพืช และเสริมธาตุอาหารที่พืชต้องการ
ยกตัวอย่างปุ๋ยเคมี ช่วยเพิ่มปริมาณธาตุอาหารในดิน เช่น ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และโพแทสเซียม, อาหารเสริมพืชหรือกลุ่มจุลธาตุต่าง ๆ เสริมธาตุอาหารรองและจุลธาตุ เช่น แคลเซียม แมกนีเซียม กำมะถัน เหล็ก ทองแดง แมงกานีส โบรอน นิกเกิลและสังกะสี, ปุ๋ยน้ำ ใช้ฉีดพ่นหรือผสมในระบบน้ำเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดูดซึม
ลำดับถัดมา คือ สารเคมีที่มีพิษตกค้าง หรือสารเคมีกำจัดศัตรูพืช เช่น สารกำจัดโรคพืช ยาฆ่าแมลง และยาฆ่าหญ้า มีจุดประสงค์เพื่อควบคุมหรือกำจัดสิ่งมีชีวิตที่เป็นภัยต่อพืช อย่างไรก็ตาม สารเหล่านี้มีผลกระทบรุนแรงต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของมนุษย์หากใช้อย่างไม่ระมัดระวัง
พิษตกค้างในธรรมชาติ สารบางชนิดมีอายุการสลายนานและสามารถสะสมในดิน น้ำ และห่วงโซ่อาหาร เป็นอันตรายต่อสุขภาพโดยการสัมผัสหรือบริโภคอาหารที่ปนเปื้อนสารเคมีกลุ่มนี้อาจก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพ เช่น โรคทางเดินหายใจ โรคมะเร็ง หรือความผิดปกติของระบบประสาท ส่งผลผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ทำลายความหลากหลายทางชีวภาพและส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศ เช่น การลดลงของประชากรแมลงที่เป็นประโยชน์
ข้อควรระวังในการใช้สารเคมี เลือกใช้สารเคมีให้เหมาะสม หากจำเป็นต้องใช้สารเคมีที่มีพิษตกค้าง ควรเลือกชนิดที่มีอัตราการสลายตัวเร็วและใช้ตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญ ภาครัฐหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรส่งเสริมการใช้ เช่น หินแร่ภูเขาไฟที่มีส่วนประกอบซิลิก้าที่ละลายน้ำได้ทำให้พืชแข็งแรงเหมือนนักมวยไก่ชนทานต่อต่อไวรัสหรือหวัดนกในอดีต ส่งเสริมการใช้สารชีวภาพ เช่น การใช้สารสกัดจากธรรมชาติหรือเชื้อจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์แทนสารเคมีที่มีพิษตกค้าง ให้ความรู้ความเข้าใจในการสร้างสมดุลในระบบการเกษตร ลดการใช้สารเคมีที่เกินความจำเป็นและส่งเสริมการเกษตรแบบยั่งยืน
สารเคมีที่ปลอดภัย เช่น ปุ๋ยและอาหารเสริมพืช มีลักษณะเหมือนผลิตภัณฑ์สำหรับดูแลตัวเองที่เราใช้ในชีวิตประจำวัน ช่วยส่งเสริมสุขภาพพืชโดยไม่มีผลกระทบเชิงลบที่รุนแรงต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ในทางตรงกันข้าม สารเคมีที่มีพิษตกค้าง เช่น ยาฆ่าแมลงและยาฆ่าหญ้า อาจก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรงหากใช้อย่างไม่เหมาะสม การเลือกใช้สารเคมีอย่างถูกต้องและส่งเสริมการเกษตรที่ยั่งยืนจึงเป็นหนทางที่ดีที่สุดในการลดผลกระทบต่อโลกและผู้บริโภคในระยะยาว
ดร.มนตรี บุญจรัส
ประธานกรรมการ บริษัท ไทยกรีนอะโกร จำกัด
ประธานชมรมเกษตรปลอดสารพิษแห่งประเทศไทย