เมื่อได้ยินว่าลำไยทุกท่านก็จะนึกถึงความหอมหวาน ฉ่ำน้ำ ซึ่งเอกลักษณ์ของผลไม้ชนิดนี้ไม่เพียงแต่ได้รับความนิยมในประเทศไทยยังได้รับความนิยมในต่างประเทศอีกด้วย หัวใจสำคัญในการที่จะทำให้ลำไยครองใจผู้บริโภคเหล่านี้ได้นั้นคือคุณภาพนั้นเองซึ่งการจะได้ลำไยที่มีคุณภาพนั้นต้องพิถีพิถันทั้งในการคัดเลือกสายพันธุ์ พื้นที่ปลูก การดูแลการใส่ปุ๋ย รวมถึงระยะเวลาในการเก็บเกี่ยว เรามาเริ่มต้นในการปลูกกันเลยดีกว่าคือการคัดเลือกสายพันธุ์ในการปลูกนั้นเอง โดยสายพันธุ์ที่เป็นยอดนิยมในการปลูกและเป็นที่ต้องการของตลาดได้แก่
1. ลำไยอีดอ(Edor Longan) เป็นสายพันธุ์ที่ได้รับความนิยมและปลูกมากที่สุดในประเทศไทยมีลักษณะเด่นคือ ผลขนาดค่อนข้างใหญ่ เนื้อหนา เนื้อมีสีขาวอมเหลืองใสกรอบล่อนไม่ติดเมล็ด รสชาติหวานจัด เม็ดเล็ก และยังเป็นที่ต้องการของตลาดทั้งในและนอกประเทศเช่น ประเทศจีน ประเทศสหรัฐอเมริกาประเทศแคนนาดา โดยช่วงเวลาในการออกดอกนั้นจะออกในช่วงปลายปีหรือประมาณเดือนธันวาคมหรือบางครั้งจะออกในเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม และช่วงเวลาในการเก็เกี่ยวลำไยนั้นจะอยู่ในปลายเดือนมิถุนายนต่อเนื่องไปถึงเดือนสิงหาคมโดยพื้นที่ที่เหมาะในการปลูกสายพันธุ์นี้ได้แก่แถบภาคเหนือ ภาคตะวันออก หรือภาคกลางบางจังหวัด
2. ลำไยสีชมพู(See Chompoo Longan) เป็นสายพันธุ์ที่ได้รับความนิยมในการปลูกไม่แพ้กัน โดยลักษณะเด่นของสายพันธุ์นี้คือมีผลขนาดกลาง เนื้อมีสีชมพูสวย เนื้อหนารสชาติหวานละมุนกลิ่นหอมเฉพาะ เม็ดค่อนข้างเล็ก เป็นที่ต้องการในกลุ่มผู้บริโภคที่ชื่นชอบลำไยที่มีเนื้อสีสวยงามและรสชาติละเอียดอ่อนเหมาะในการรับประทานแบบสดโดยช่วงเวลาในการออกดอกช่วงปลายเดือนมกราคมจนถึงปลายเดือนมีนาคม และช่วงเวลาในการเก็บเกี่ยวนั้นจะอยู่ช่วงปลายเดือนกรกฎาคม-ต้นเดือนกันยายน โดยพื้นที่ที่เหมาะในการปลูกสายพันธุ์นี้ได้แก่แถบภาคเหนือ ภาคตะวันออก หรือภาคกลางบางจังหวัด
3. ลำไยพวงทอง(Puang Thong Longan) สายพันธุ์นี้ขึ้นชื่อในเรื่องช่อผลที่ใหญ่และดกโดยลักษณะเด่นของพันธุ์นี้คือช่อผลที่ใหญ่ ทรงช่อสวย ผลลำไยค่อนข้างกลมอาจมีการเบี้ยวเล็กน้อย เนื้อหนา เนื้อมีสีขาวครีม รสชาติหวานเป็นที่ต้องการของตลาดที่เน้นการนำเสนอเป็นช่อสวยงามและผู้บริโภคที่ชื่นชอบลำไยเนื้อแน่นรสหวาน โดยช่วงเวลาในการแทงช่อดอกในช่วงปลายเดือนธันวาคม-มกราคมและจะบานเต็มที่ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคมและจะสามารถเก็บเกี่ยวได้ในเดือนกรกฎาคม-กันยายนโดยพื้นที่ที่เหมาะในการปลูกสายพันธุ์นี้ได้แก่แถบภาคเหนือภาคตะวันออก หรือ ภาคกลางบางจังหวัด
โดยในการดูแลความหวานนั้นส่วนหนึ่งก็มาจากการใส่ปุ๋ยโดยปุ๋ยที่แนะนำให้ใช้เลยคือ ทีจีเอ F3 ทีจีเอ F4ทั้งสองตัวนี้เป็นปุ๋ยน้ำฉีดพ่นทางใบที่มีคุณสมบัติช่วยเพิ่มความหวาน ขยายขนาดผลได้ดี อัตราการใช้จะอยู่ที่ 40-60 ซี.ซี./น้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นให้ทั่วโดเริ่มฉีดพ่นตั้งระยะก่อนออกดอกจนถึงระยะเก็บเกี่ยว ฉีดพ่นทุก 7-15 วัน เท่านี้ก็ได้ลำไยที่มีความหวานลูกใหญ่ สีสันน่ากินถูกใจผู้บริโภคแน่นอน
หากสนใจข้อมูลเพิ่มเติมหรือต้องการปรึกษาปัญหาด้านการเกษตรปลอดสารพิษ ติดต่อสอบถามได้ที่ https://thaigreenagro.com/ บทความโดย นางสาวธารหทัย จารุเกษตรพร ตำแหน่งนักวิชาการเกษตร บริษัทไทยกรีนอะโกร

