กุ้งกาฬสินธุ์ กุ้งฉะเชิงเทรา กุ้งเพชรบุรี
วันนี้ถ้าท่านเลี้ยงน้องกุ้งอยากให้ลูกสาวของท่านได้ค่าสินสอดเยอะๆถ้าตัวแพงๆ
มาเลยครับ เลี้ยงกุ้งจริงๆแล้วเลี้ยงกุ้งหนึ่งบ่อมันต้องเริ่มต้นอะไรยังไงบ้างครับ
มันจะว่าง่ายก็ไม่ง่ายนะ จะว่ายากก็ไม่ยาก
ถ้าเรามีการศึกษาหาความรู้นะครับในการเตรียมบ่อเตรียมน้ำนะครับ
กุ้งขาวส่วนใหญ่เลยนะครับมันจะเป็นกุ้งมาจากน้ำเค็มในอดีตนี้เราจะเลี้ยงกุ้งกุลาดำกันมากเลยครับกุลาดำนี้จะมีราคาแพงไปเลี้ยงยากนะครับ
กิโลมีประมาณ 400 บาทเลยนะครับ มันจะดังมากประมาณประมาณปี 37
38 57 ถึง ปี 42
มาเริ่มดาวลงหลังจากที่ผู้กินกุ้งโดนผู้ก่อการร้ายวางระเบิดตึกแฝดที่อเมริกา
อเมริกาคือผู้บริโภคกุ้งเราเป็นอันดับต้นๆของโลกเลย ลองจากญี่ปุ่น หรือน้องๆญี่ปุ่นเลยนะครับ
ฉะนั้นการเตรียมดินเตรียมน้ำแล้ว เอากุ้งที่ไม่ใช่ท้องถิ่นบ้านเรามาเลี้ยงในพื้นที่น้ำกร่อยนะครับเริ่มแรกอาจจะมีความเข้มระดับต่ำๆหน่อยนะ แล้วเริ่มมาเป็นกร่อยแล้วก็เริ่มมาเป็นจืด ฉะนั้นยังมีการปล่อยลูกกุ้งปริมาณมากนะครับ แล้วก็ไม่ใช่ถิ่นที่อยู่ของมันโดยตรง มันก็ทำให้กุ้ง
ส่วนใหญ่ถ้าอยากจะคุมมันจะเป็นเรื่องของความเครียดครับ
ตัวอย่างเช่น เหมือนเราอยู่ในลิฟท์ อยู่บนรถไฟฟ้า สถานที่จะทำให้อึดอัดนะครับ อย่างกุ้งนี้มันก็ทำให้การเจริญเติบไม่เป็นไปแบบตามธรรมชาตินะครับ เพราะฉะนั้นเกษตรกรที่อยากจะเลี้ยงกุ้งแล้วอยากให้มีน้องกุ้งขาวขาวๆ สวยๆ มีขนาดที่ได้ราคาดีๆ จะต้องไม่ปล่อยกุ้งหนาแน่น1ไร่ ถ้าเกิดมัน สองแสนตัว ก็อาจจะจะลดลงมาคนละครึ่งทางนะครับ แต่อินเดีย เขาเลี้ยงแค่ ห้าหมื่น ตัวเองครับ ต้องปล่อยบางๆ แล้วถึงจะได้มีกุ้งจับได้ ช่วง 3 เดือน 4 เดือน ก็จะไม่มีกุ้งตายไปก่อนจับ จะไม่เกิดปัญหาตายก่อนจัดเลย และพี่ไทยเราประมาณเท่าไหร่ครับ บางทีก็สามแสน สี่แสนนะครับ ที่เคยเห็นต่ำสุดนี้ก็น่าจะ สองแสนกว่าๆครับ เหลือเท่าไหร่ก็เอาเท่านั้นประมาณนั้นคือคิดว่าปล่อยบางแล้วจะไม่ได้กุ้ง แต่หารู้ไม่ยิ่งปล่อยแน่นยิ่งตายมาก เพราะว่าไอ้เดือนแรก กุ้งยังไม่ค่อยมีปัญหา เพราะเดือนที่สอง กุ้งมันก็โตใหญ่ขึ้นครับ อาหารก็ต้องให้มากขึ้นกินมากขึ้นให้อาหารมากขึ้นเศษอาหาร ขี้กุ้งที่มันตกค้างอยู่ในบ่อเกิดการสะสมเยอะ เราเอาประชากรกุ้ง เอาไว้ในบ่อ สองแสน สามแสนตัว แต่เราไม่เคยเพิ่มเทศบาลไม่เคยเพิ่มหน่วยทำความสะอาดให้กับกุ้งเลยนะครับ คือเพิ่มปริมาณ แต่ไม่มีคุณภาพแบบ เพิ่มปริมาณการเลี้ยงกุ้งที่หนาแน่น เราไม่เคยเจอในทะเล (เปรียบเทียบ ทะเลไม่สามารถไปจับกุ้งได้เลย กว่าจะหาจับกุ้งได้ เพราะพื้นที่พี่กุ้งอยู่กว้างขวาง ไม่เบียดเสียดแออัด แต่ลองลงไปในบ่อเลี้ยงกุ้งแล้ว จับได้เป็นกอบเป็นกำ)
สภาวะเบียดเสียด แออัด ไม่มีจุลินทรีย์ในระบบนิเวศเพียงพอกับปริมาณของเสียที่กุ้งปล่อยออกมา กับอาหารกุ้ง ที่เจ้าของกุ้งให้ลงไป กุ้งมีรายละเอียดเยอะนะ ตั้งแต่การให้อาหาร หรือว่าอากาศปิดอากาศหนาว ต้องใช้ยอ แล้วเอาอาหารหย่อนใส่ลงไปในแล้วค่อยหยอดลงไปแล้วก็ต้องเช็คขึ้นมาว่ามันกินหมดไหมถ้ากินไม่หมดนี้ต้องลดปริมาณการให้อาหารกุ้งลง คือไม่ต้องไปหว่านไปทั่วให้ใส่ไปในยอเลย เพราะว่าจะมีผลต่อกระบวนการเผาผลาญอาหาร หรือกระบวนการเมตาบอลิซึมของกุ้งครับ จะต้องงดการให้อาหารจาก 3 หรือ 4 มื้อก็ต้องลดลงมาเป็น 3 มื้อ 2 มื้อแทนครับตัวนี้จะช่วยเรื่องความสะอาดของบ่อ ไม่มีของเสียตกค้างได้มากขึ้นก็ถือว่าเตรียม บ่อดี อย่าหนาแน่น แล้วก็เวลาภูมิอากาศที่มันเปลี่ยนแปลงเป็นข้อสำคัญโดยเฉพาะพายุมา ฟ้าจะหลัวทันทีครับ ทำให้กุ้งจะไม่ค่อยกินอาหาร เ พราะแสงมีส่วนสำคัญต่อการที่กุ้งจะกินอาหารด้วย นี่คือวิธีการแก้ปัญหาแบบที่ไม่ต้องใช้สตางค์เลยนะ คือการใช้ภูมิปัญญา ใช้ความคิด ใช้การสังเกตนะครับแต่ทีนี้ เราหลีกเลี่ยงไม่ได้หรอกครับปัญหาเพราะว่าเราแค่วันแรกที่เราปล่อยกุ้งเป็นแสนตัวต่อไร่มันก็ฝืนธรรมชาติมากเลย เพราะฉะนั้นพี่น้องก็ควรจะมีจุลินทรีย์นะครับ ที่มันย่อยสลายพวกอาหารกุ้ง หรือขี้กุ้งโดยเฉพาะนะครับ
ไม่ขอแนะนำแนวทางการใช้จุลินทรีย์ ที่หมักกับพวกกากน้ำตาล เพราะกากน้ำตาล มันไม่ใช่ว่าเป็นอาหารของจุลินทรีย์ ที่เราเอามาเลี้ยงอย่างเดียว มันยังเป็นอาหารจำพวก ยีส ลาโปรโตซัว ที่เป็นจุลินทรีย์ที่ย่อยสลายไม่เก่งอ่ะ ไอ้พวกนี้มาแย่งการใช้ออกซิเจนอย่างเดียวถ้าเกษตรกร นึกภาพไม่ออกแล้ว ให้ถึงเวลาเราได้ยินข่าวเรือน้ำตาลล่ม แถวอ่างทอง อยุธยาครับ แล้วจะได้ยินว่ามีปลาตายไล่มาตั้งแต่อ่างทอง ป่าโมก ลงมา อยุธยา เพราะกากน้ำตาลพวกนี้เป็นอาหารอย่างดี ของจุลินทรีย์ ยีส ลาโปรโตซัว ทั้งหลาย ที่ไม่มีความเก่งกาจในการย่อยสลายโปรตีนที่เป็นแข็งๆ มาจับปลาป่นกระดูกคนที่มาทำอาหารกุ้ง มันก็จะมาแย่งออซิเจนกุ้ง กุ้งไม่มี ออกซิเจน กุ้งก็ล่องลอย ตายขอบบ่อเยอะมากเลย ถือว่าเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญครับ แล้วถ้าเกิดว่าเราจะใช้อะไรแทนจุลินทรีย์พวกนี้จุลินทรีย์พวกนี้นะครับตัวที่มันย่อยโปรตีนได้เก่งอาหารเก่งมันจะมีชื่อว่า บาซิลลัสซับทิลิส นี่เป็นชื่อวิทยาศาสตร์เลยนะครับ ความจริงแล้วชมรมเราก็มีผลิตภัณฑ์ตัวนี้ด้วยเหมือนกัน แต่เราใช้ชื่อการค้าว่าบราซิล MT ตัวนี้จะเป็นจุลินทรีย์ ที่เหมือน (ยกตัวอย่าง อธิบาย) เหมือนอยู่ในหมู่บ้านต่างจังหวัดแล้วเวลาจะสร้างบ้านครึ่งตึกครึ่งไม้ สามารถไปวานลุงป้าน้าอามาทำได้นะครับ ให้ช่างในหมู่บ้าน สร้างตึก 100 ชั้น แต่ยังขี้เหนียวประหยัด ไม่ยอมจ้างวิศวกรเอามาสร้าง แต่ยังจ้างลุงคนเดิมให้มาสร้าง ตึกมันก็จะถล่ม เพราะแกมีความรู้แค่พื้นฐาน การใช้ บราซิล MT ตัวนี้ก็เหมือนเราใช้วิศวกรที่มาทำหน้าที่ ย่อยกุ้งอาหารกุ้งที่มันผลิตมาจากปลาป่น มาจากข้าวโพดอาหารสัตว์โดยตรงครับทำให้หมดปัญหาเรื่องการแย่งออกซิเจน คือมันทำงานอย่างเดียวเจาะจง โดยเฉพาะเลย
เขียนและรายงานโดย ทีมงานชมรมเกษตรปลอดสารพิษ
สอบถามเพิ่มเติมที่ 02-9861680-2 Hotline สายด่วน 084-5554205 -9 หรือ @thaigreenagro