0

Your Cart

No products in the cart.
THAIGREENAGRO | ชมรมเกษตรปลอดสารพิษ
[agrikon_wc_ajax_search]

เชื้อรา ลาซิโอดิโพลเดีย (Lasiodiplodia sp) สาเหตุโรคผลเน่าในทุเรียน

โรคลาซิโอดิโพลเดีย (Lasiodiplodia sp)  เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อรา ซึ่งสามารถส่งผลกระทบต่อทุเรียนได้อย่างรุนแรง โรคนี้เป็นปัญหาสำคัญที่เกษตรกรในพื้นที่ปลูกทุเรียนต้องเผชิญ เนื่องจากสามารถทำลายผลผลิตและลดคุณภาพของทุเรียนได้อย่างมาก

เป็นราถิ่นกำเนิดในดิน (Soil-borne) มีพืชอาศัยหลายพืชเช่น ยางพารา มังคุด กล้วย สปอร์ของเชื้อนี้แพร่ระบาดไปกับลม อุปกรณ์การเกษตร ทำให้เกิดการติดเชื้อได้ดีในใบทุเรียน

สามารถลุกลามมายังง่ามกิ่ง โดยทางท่อน้ำท่ออาหาร แผลที่ง่ามกิ่งมียางไหลซึม แล้วระบาดไปทั่วลำต้น

ใบที่ยอดจะขาดอาหาร เพราะภายในท่อน้ำท่ออาหารสร้างเนื้อเยื่อโป่งพอง(ไทโลส)และขณะเดียวกันเมื่อการส่งผ่านอาหาร ธาตุอาหาร น้ำ ส่งผ่านไม่ได้ ใบที่ยอดจึงร่วงหล่นจากยอดจรดโคนต้น เรียกว่าโรคก้านธูปนั้นเอง หากไม่รักษา สุดท้ายจะยืนต้นตายในที่สุด

โรคนี้เกิดจากเชื้อรา ลาซิโอดิโพลเดีย (Lasiodiplodia sp) เกษตรกรบางคนมักจะสับสนว่าเกิดจาก เพลี้ยจักจั่นฝอย ในส่วนหนึ่งอาจจะถูกแต่ไม่ใช่ 100%

โดยลักษณะอาการก้านธูปที่มาจากเพลี้ยจักจั่นฝอย เนื่องจากเพลี้ยไปดูดน้ำเลี้ยงใบทุเรียนจะทำให้ใบร่วงอาการคือขอบใบจะเริ่มไหม้ แต่จะไม่ไหม้ถึงเส้นก้านใบ ลักษณะใบจะม้วนงอเข้าหาแล้วค่อยๆร่วง ซึ่งเพลี้ยจั๊กจั่นฝอยเป็นพาหะนำเชื้อโรคลาซิโอดิโพลเดีย (Lasiodiplodia sp)  นั้นเอง

การจัดการและการป้องกัน

แนะนำให้มีการฟื้นต้นเพื่อให้ต้นทุเรียนแข็งแรงสมบูรณ์ ด้วยการใช้ภูไมท์ซัลเฟตเหลืองและอินดิวเซอร์(ไตรโคเดอร์ม่า) และหลังจากนั้นอีก 15 วัน ใส่ปุ๋ยอินทรีย์ ทีจีเอ โกลด์และโพแทสเซียมฮิวเมทเพิ่มการแตกยอดของใบอ่อนและส่งเสริมการเจริญเติบโตทุกส่วนของลำต้น เมื่อต้นสมบูรณ์แข็งแรงก็สามารถควบคุมการเกิดโรคได้เนื่องจากมีซิลิก้าจากภูไมท์ซัลเฟตเหลืองที่ทำให้เป็นเกราะป้องได้เป็นอย่างดี

อัตราการใช้ผลิตภัณฑ์

ภูไมท์ซัลเฟตเหลือง ใช้ 20 กก. ต่อ พื้นที่ 1 ไร่

อินดิวเซอร์(ไตรโคเดอร์ม่า) ใช้ 50 กรัม หรือ 3 ช้อนแกง ต่อ น้ำ 20 ลิตร

ปุ๋ยอินทรีย์ ทีจีเอโกลด์ ใช้ 200 กิโลกรัม ต่อ พื้นที่ 1 ไร่

โพแทสซียมฮิวเมท ใช้ 3 กรัม ต่อ น้ำ 20 ลิตร

หากสามารถป้องกันและสร้างความแข็งแรงให้กับต้นทุเรียนได้แล้ว รักษาอาการของโรคนี้ได้ อย่างอื่นแทบไม่น่ากังวลใจเลยค่ะ ที่น่ากังวลเพราะเกษตรกรหลายคนอาจจะยังใช้ยาไม่ถูกกับโรคหรือเปล่า ถ้ายาที่เราใช้อยู่เหมือนจะหายแต่ไม่หายซักที

อันนี้น่ากังวลมากกว่าค่ะ ส่วนเกษตรกรท่านใดที่มีอาการของโรคดังกล่าว อย่าปล่อยทิ้งไว้ให้มันลามไปทั่วแปลง หรือเอายาตัวที่ไม่ตรงโรคมาถากแผลทาลำต้น หรือฝังเข็มอยู่เลยค่ะ

บทความโดย นางสาวคนึงนิจ หอมหวล ตำแหน่งฝ่ายวิชาการบริษัทไทยกรีนอะโกร (ชมรมเกษตรปลอดสารพิษ)

 สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ Line@ ID : Thaigreenagro

Facebook : บริษัท ไทยกรีนอะโกร

Website : www.thaigreenagro.co.th

TikTok : Thaigreenagro

×