จะปลูกพืชผักให้รวย ตัวช่วยต้องตรวจดินก่อนปลูก

วันนี้เราจะมาพูดถึงเรื่องการปลูกผัก และก็ทิ้งท้ายว่าถ้าจะให้รวยตัวช่วยต้องตรวจดิน อันนี้ถือว่าเอามาเป็นประเด็นในการที่เราจะมาพูดคุยแลกเปลี่ยนกับเพื่อนๆในวันนี้ เดี๋ยวนี้ราคาพืชผลการเกษตรราคาค่อนข้างตกต่ำ ไม่ว่าจะเป็นข้าว อ้อย ปาล์ม ยาง มันสำปะหลัง ล้วนแล้วแต่เป็นตัวที่ฉุดให้เศรษฐกิจฐานรากของประเทศเรานั้นอ่อนแอ จึงเป็นที่มาว่าปลูกผัก อายุการเก็บเกี่ยวสั้น ปลูกง่าย ได้เงินเร็ว ง่ายจริงหรือป่าวเดี๋ยวค่อยมาดูกัน

                เรื่องราวของการปลูกผัก ผักในที่นี้อาจจะเป็นผักแบบชาวบ้าน ก็คือทางชมรมเกษตรปลอดสารพิษ หรือ บริษัทไทยกรีนอะโกร ส่วนใหญ่เราจะรณรงค์ส่งเสริมให้ปลูกผักจากดิน เพราะว่าเราเชื่อว่าแผ่นดินไทย แผ่นดินแม่ มาตุภูมิเรามีความอุดมสมบูรณ์ ไม่ว่าจะทานเงาะ ลำไย ลองกอง มังคุด ทานเสร็จบ้วนเมล็ดทิ้งไม่ต้องทำอะไรเลยยังงอกได้ เรามองว่าการปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ ผักสลัดที่อาจจะปลูกแบบไร้ดิน หรือปลูกบนดิน ปลูกเรดโอ๊ค กรีนโอ๊ค อะไรต่างๆ แต่ถ้าเป็นพวกไฮโดรโปนิกส์ คือผักสลัดปลูกบนดินก็มีแต่ไม่ใช่ว่าเยอะ แต่ทางเราส่วนใหญ่แล้วเราจะบ้านนอกหรือลูกทุ่งสักนิดหนึ่ง คือจะรณรงค์ให้เกษตรกรปลูกผักพวกถั่วฝักยาว บวบ มะระ แตงกวา ก็เป็นผักสวนครัว รั้วกินได้ แบบชาวบ้านที่เขาส่งตลาดไท โดยเฉพาะพื้นที่ภาคอีสานเขาจะปลูกผัก แถวบุรีรัมย์จะมีแหล่งภูเขาไฟ ปลูกหอม กระเทียม และก็มีปลูกผักส่งไปที่โคราช ส่วนใหญ่จะจบอยู่ที่โคราชและเหลือก็ส่งเข้าตลาดไท อ่างทอง สิงห์บุรี ชัยนาท อยุธยาจะส่งเข้าแถวตลาดไท บางทีก็ส่งมาจากทางพิจิตร พิษณุโลกด้วยเช่นเดียวกัน สายใต้จะมาส่งที่ศรีเมือง จ.ราชบุรี อันนี้เป็นเจตนาว่าอยากให้เกษตรกรที่ผมบอกว่าเศรษฐกิจไม่ดีก็น่าจะลองหาผักกาด ผักคะน้า กวางตุ้ง อะไรที่พอจะเสริมสร้างรายได้ให้เราได้ก็ลองมาทำกัน ถ้าจะทำให้ประสบความสำเร็จ ทำให้รวยได้ ตัวช่วยตามหัวข้อเรื่องคือต้องดูที่ดินถ้าเราหลับหูหลับตาปลูก คือใช้หลักการเดา คือเดาอย่างเดียวว่า ดินอย่างนั้นต้องเป็นอย่างนี้ เดี๋ยวนี้มันเกษตร 4.0 แล้วนะครับ ต้องชัดเจน เป็นวิทยาศาสตร์ ชัดเจนเป็นวิทยาศาสตร์นั่นคือต้องขุดดินไปตรวจ ถ้าไม่ขุดดินไปตรวจ เราก็จะใช้การเดา ประมาณการ ดินอย่างนี้ต้องเป็นกรด เปรี้ยว ดินอย่างนั้นเป็นด่าง ดินเค็ม บางคนก็ยังไม่รู้เลยว่าดินเค็มกับดินด่าง ดินด่างมันเค็มไหม ที่สำคัญอยากจะให้ตัวช่วยดีต้องตรวจดิน แล้วดินจะไปตรวจที่ไหน ง่ายที่สุดคือซื้อน้ำยาชุด Test-kit ไปตรวจ ของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เขามีชุดตรวจดิน ตรวจน้ำ เป็นน้ำยาหยดเป็นชุด Test-kit หรือไม่สะดวกก็ต้องเข้าไปที่กรมพัฒนาที่ดินถามว่าเอาดินมาตรวจได้ไหม ตรวจว่าดินของฉันเป็นยังไง ดินเปรี้ยวไหม ดินแข็ง ดินเหนียว เป็นดินชุดไหน ดินมีสภาพเป็นอย่างไร ไปตรวจถามเกษตรตำบล เกษตรจังหวัด ถ้าอยู่ในกรุงเทพมหานครก็แนะนำที่กองปฐพีวิทยา และก็เซนทรัลแล็ป ก็มีที่ตรวจดินกรวดน้ำ มีทั้งที่ฟรีและไม่ฟรีหลักการเพื่อให้รู้ว่าดินของเราเหมาะสมต่อการละลายแร่ธาตุ สารอาหาร พร้อมต่อการให้พืชผักของเราดูดกินสะสม สังเคราะห์แสง เจริญเติบโต ได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย หรือเต็มประสิทธิภาพหรือไม่ ดินที่มีประสิทธิภาพ เป็น 100 หรือเกือบ 100 จะต้องเป็นกรดเล็กน้อยคือจะต้องมีค่า pH อยู่ระหว่าง 5.8-6.3 เวลาเราเอาดินไปตรวจจะมีแถบสี ถ้าสีที่อยู่ตรงกลางคือเลข 7 ถ้าน้อยกว่า 7 ลงไปจะเป็นกรด มากกว่า 7 เป็นด่าง ถ้าเราตรวจดินต้องวัดให้ได้ประมาณสัก 5.8-6.3 หรือถ้าเป็นตัวเลขกลมๆก็อีก 2 จุด มันก็จะเป็น 6.0 คือ 5.8 6.3 ก็เป็น 6.5 มันก็ประมาณ 6.0-6.5 อยู่ในช่วงที่พร้อมต่อการละลายแร่ธาตุสารอาหาร ให้รากผักต่างๆของเราดูดกินได้รวดเร็ว ทำให้ผักโตเร็ว งามเร็ว การที่จะเอาดินไปวัดไม่ใช่จะเอากอบโกยดิน ผิวดิน เอาไปให้เขาตรวจ ต้องดูว่ารากพืชรากผักของเรามันอยู่ตรงไหน ต้องขุดลึกลงไป 1-2 หน้าจอบ เพราะเวลาเราทำแปลงเราขุด พรวนดิน รากของผักมันอยู่ลึกลงไป ต้องขุดไปตรงนั้น เพราะถ้าเอาไปโกยดิน กอบดิน ตรงบริเวณผิวด้านบน บางทีไปเจอขี้เถ้าแกลบ ไปเจอปุ๋ยหมักปุ๋ยคอกที่เราปรับปรุงดินโดยเฉพาะ กลุ่มวัสดุปูน พี่น้อง เพื่อนๆ ที่ทำเกษตรอยู่ต่างจังหวัดจะรู้ว่าปูนหลวงแจกเยอะ ภาครัฐแจกเยอะ แจกเอาไปไว้ใต้ถุนบ้าน มันรกหูรกตา เมียบ่นก็รกใต้ถุนบ้านทำยังไงก็เอาไปหว่าน โดยหารู้ไหมว่าเวลาจะหว่านปูนตรวจวัดกรด-ด่างของดินเสียก่อน ถ้าไม่ตรวจวัดกรดและด่างของดิน เหมือนกินก๋วยเตี๋ยวบางที่กินมันเปรี้ยวอยู่แล้วไม่ชิมเลย เติมน้ำส้ม เติมพริกอีก มันก็จัดจ้านเกินความพอดี ดินที่เราจะปลูกผักได้ดีก็ต้องตรวจดิน ขุดลึกลงไป 2 หน้าจอบ อย่าเอาผิวดิน ถ้ามันต่ำกว่า 5.8 ลงไป ค่อยเติมปูนเพราะฉะนั้นบางทีเราไปเอาผิวดินไปเอาปูนขาวหว่านไว้ อะไรไว้ก็ได้ค่าการปลูกที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง ดินคือตัวช่วยที่สำคัญ ถ้าปล่อยให้ดินเปรี้ยวจัด ดินด่างจัด ดินที่เป็นกรดจัดจะละลายเหล็ก ทองแดง พวกจุลธาตุออกมาเยอะมากเกินไปจนเป็นพิษต่อพืชทำให้รากดูดขึ้นมาและใบสะสมพวกเหล็กทองแดงเยอะเกินไปก็ใบไหม้ หรือในบางทีมันไม่ชอบกรดมันไม่ละลาย เมื่อไม่ละลายในกรดมันก็ทำให้พืชขาดได้อีกเช่นเดียวกัน เช่นเดียวกันถ้าดินเกิน 7 เป็น 8 เป็น 9 เป็น 10 ดินพวกนี้ก็สูญเสียไนโตรเจนเยอะ และก็มีพวกโบรอน พวกอะไรต่างๆ ที่จุลธาตุบางตัวที่ไม่ละลายในด่างก็ทำให้พืชขาดอีก และที่สำคัญก็คือดินที่เป็นกรดจัดและด่างจัดในเมื่อเขาไม่ละลายและไล่ปุ๋ย ไล่อาหารเยอะมากเกินไป ทำให้ดินไม่ตอบสนองต่อการใส่ปุ๋ย หมายความว่าจะซื้อปุ๋ยมาในราคาแพงเท่าไรก็ตาม ใส่ปุ๋ยเคยใส่ไร่ละ 1 กระสอบ ก็ไม่รู้สึกรู้สาอะไร เปลืองปุ๋ยฟรี ถามว่าปุ๋ยดี ปุ๋ยปลอมไหม ปุ๋ยบางทีก็ไม่ปลอม ปุ๋ยแท้ไหม แท้แล้วทำไมไม่งาม ที่ไม่งาม มันไปถูกบล็อกถูกตรึงอยู่ในดิน ดินไม่ตอบสนองต่อการใส่ปุ๋ยจากดินด่างจัด กรดจัด ด่างมันไล่แอมโมเนีย มันเป็นด่าง แอมโมเนียที่ปุ๋ยยูเรียแตกตัวเป็นแอมโมเนีย แอมโมเนียรวมตัวกับน้ำ ความชื้น เป็นแอมโมเนียมไฮดรอกไซด์ก็เป็นด่าง ด่างกับด่างเจอกัน ก็เหมือนแม่เหล็กเจอกัน มันก็ไล่ไนโตรเจนเราไปหมด เพราะฉะนั้นปลูกผักให้รวยต้องมีตัวช่วยตรวจดิน มิฉะนั้นต้องใส่ปุ๋ยเสียเงิน 2 เท่า 3 เท่า มิฉะนั้นดินเหนียวก็รากเน่าโคนเน่า ดินเป็นกรดผักก็ตาย ผักเซนซีทีฟต่อดินเปรี้ยว ดินด่าง เพราะอายุการเก็บเกี่ยวสั้นและก็เป็นผักมีองค์ประกอบของน้ำเยอะ

มนตรี  บุญจรัส

ชมรมเกษตรปอลดสารพิษ www.thaigreenagro.com