หน้าหนาว หมอกน้ำค้างแรง ควรป้องกันเชื้อราโรคพริกตั้งแต่เนิ่นๆ

          ปัจจุบันปัญหาเศรษฐกิจนับวันทวีความรุนแรงมากขึ้น เนื่องจากจำนวนประชากรเพิ่มมากขึ้น ในขณะที่พื้นที่การเกษตรมีจำกัดหรือน้อยลง เพราะส่วนหนึ่งกันไว้เป็นที่อยู่อาศัย จำเป็นต้องใช้พื้นที่ที่มีอยู่จำกัดให้เกิดประโยชน์สูงสุด โรคพืชอย่าง”ราน้ำค้าง”ที่ระบาดในพริกก็อีกหนึ่งปัญหาจากหลายๆปัญหาที่ทำให้ผลผลิตของพริกลดลง นับวันเพิ่มความรุนแรงระบาดทั่วทุกพื้นที่ ซึ่งอาจเกิดจากปัจจัยที่ว่าก็เป็นได้ นั้นก็คือพริกพันธุ์ใหม่ๆอ่อนแอต่อโรคหรือเปล่า? จริงหรือไม่ที่สภาพอากาศในปัจจุบันแปรปรวนเอื้อต่อการเกิดโรค? หรือเกิดจากความเป็นกรดเป็นด่างของดินที่เกิดจากการใช้สารเคมีทางการเกษตรเยอะเกินไป

 

          ราน้ำค้างเกิดจากการเข้าทำลายของเชื้อราเพอโรโนสปอร่า ทาบาซีน่า (Peronospora tabacina) เป็นเชื้อราชนิดเดียวกับที่ระบาดในมะเขือเทศ, มะเขือยาว, มันฝรั่ง, ยาสูบ ฯลฯ ซึ่งจะเข้าทำลายใบด้านบนจนเกิดแผลจุดสีเหลือง ใต้ใบมีเส้นใยสปอร์เป็นขุยสีขาวเทาอ่อนๆ จากนั้นจุดเหลืองๆ บนใบก็จะเริ่มแห้งเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล ช่วงระบาดอาจทำให้ใบสุกร่วงหล่นตามพื้นดิน ใบเหลือน้อยต้นโทรมผลผลิตลดลง ยิ่งช่วงต้นกล้าต้องระวังเป็นพิเศษเนื่องจากช่วงนี้เชื้อจะระบาดได้เร็วมากแค่ 2-3วันเท่านั้น หากพบว่าใบพริกเริ่มมีราน้ำค้างระบาดให้ถอนต้นพริกที่เป็นโรครวมถึงวัชพืชใกล้เคียงทำลายทิ้ง ฉีดพ่นล้างทำลายสปอร์ด้วยแซนโธไนท์ 2 ครั้งติดต่อกัน เว้นระยะห่างกัน 3วัน ก่อนจะฉีดพ่นควบคุมการระบาดด้วยไบโอเซ็นเซอร์ทุกๆ 5-7วันครั้ง สลับควบคู่ไปกับซิลโคเทรซและไคโตซาน 15 วันครั้ง กระตุ้นให้ฟื้นตัวเร็วขึ้น