คำอธิบาย
ปริมาณธาตุอาหารรอง
แมงกานีส(Mgo)……………………………………….8%
ปริมาณธาตุอาหารเสริม
แมงกานีส(Mn)………………………………………..2%
สังกระสี(Zn)…………………………………………..13%
ประโยชน์ ช่วยในการสร้างตาดอกของพืช เป็นส่วนประกอบของคลอโรฟิลล์ เพิ่มการสังเคราะห์แสง ทำให้พืชสร้างแป้งและน้ำตาลมากขึ้น เพิ่มการสร้างคลอโรฟิลล์ทำให้ใบเขียวเข้ม ใบหนาช่วยให้พืชทนหนาวได้ดี
ช่วยสังเคราะห์โปรตีน แก้อาการใบอก้ว ใบลายในส้ม มะนาว และแก้ปัญหาการขาดธาตุอาหารสังกะสี
พืชที่แนะนำให้ใช้
ปุ๋ยเคมี ชนิดพืช
ธาตุอาหารรอง ธาตุอาหารเสริม พืชกลุ่มที่ 1 พืชกลุ่มที่ 2 พืชกลุ่มที่ 3
Mgo 8% แตงต่างๆ ถั่วฝักขาวถั่วลันเตา พืชผัก พืชหัว หอม แครอท
Mn 2% มะเขือต่างๆ ผักกาดหอม ตระกูลกะหล่ำ มันปรั่ง สับปะรด
Zn 13% ไม้ดอกไม้ประดับ และไม้ผล
ซี.ซี/น้ำ 20 ลิตร 3-5 3-5 3-5
วิธีการใช้ ควรพ่นให้เป็นละอองเล็กๆ พอเปียกทั่วใบและทุกๆส่วนของพืชทุกๆ 7-10 วัน
คำแนะนำ : ควรอ่านคำแนะนำเอกสารกำกับปุ๋ยเคมีให้เข้าใจเสียก่อนทุกครั้ง หากไม่เข้าใจหรือมี
ปัญหา สงสัยให้ปรึกษาเจ้าหน้าที่กรมวิชาการเกษตร และกรมส่งเสริมเกษตรในท้องถิ่นเพื่อให้การ
ใช้ปุ๋ยเคมีมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และไม่ควรใช้เกินอัตราที่กำหนค เพราะจะเป็นอันตรายกับพืช
ข้อควรระวัง :
1.โดยทั่วไปแล้วปุ๋ยเคมีพ่นทางใบ พืชใช้ผลประโยชน์ได้น้อย ควรใช้เป็นปุ๋ยเคมีเสริมกับการให้ปุ๋ยเคมีทางดิน
2.ควรพ่นในช่วยเวลาเช้าหรือเย็น ในเวลาที่อากาศไม้ร้อน ลมไม่พัดแรง และคาดว่าฝนไม่ตก
3.ขณะที่พ่น พืชต้องไม่เหี่ยวเฉาหรือขาดน้ำ
4.การพ่น อย่าให้ถึงเปียกโชค เพราะจะทำให้เสียค่าปุ๋ยเคมีเพิ่มขึ้นและประสิทธิภาพปุ๋ยเคมีที่ใช้พ่นทาง
ใบเมื่อตกลงดินจะมีประสิทธิภาพเท่ากับปุ๋ยเคมีที่ใส่ทางดิน
5.ควรเก็บรักษาปุ๋ยเคมีในที่มิดชิดในร่มและแห้งและควรเก็บปุ๋ยเคมีไว้ในภาชนะที่ปลอดภัยห่างไกลจากมือเด็ก