ต้องปรับตัวหรือไม่ ให้ทันเกษตร 4.0

โลกเราหมุนเวียนเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
มีเกิด มีแก่ มีเจ็บ ตาย เดี๋ยวมี เดี๋ยว

ไม่มี
สลับสับเปลี่ยนกันไปตามห้วงเวลาของแต่ละสถานการณ์ แล้วมนุษย์ตัวเล็กๆ
ทุกคนที่อาศัยอยู่บนโลกใบนี้จะต้องดำเนินชีวิตต่อไปอย่างไร จำเป็นไหมที่จะต้องปรับตัวให้สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงนี้ด้วยหรือไม่
???ประเทศไทยในยามนี้ถือว่าสภาพแวดล้อมต่างๆ
มีการเปลี่ยนแปลงไปมาก ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่ จะต้องปรับตัวจากเดิม
โดยเฉพาะด้านอาชีพทางการเกษตร คือประเทศ ที่เริ่มมาตั้งแต่เกษตรกรรมหรือยุค 1.0
ที่ส่งออกสินค้าเกษตรเป็นหลัก เช่น ไม้สัก ยางพารา ข้าว ฯลฯ แล้วค่อยๆ
เปลี่ยนมาเป็นยุคอุตสาหกรรมเบาหรือยุค 2.0
ที่ใช้เครื่องจักรเข้ามาใช้ในการทุ่มแรงงานคน ช่วยในการผลิตสิ่งทอ  เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า ฯลฯ
และค่อยๆก้าวมาอีกขั้นที่เรียกว่าอุตสาหกรรมหนักหรือยุค 3.0
ที่ผลิตเครื่องยนต์กลไกต่างๆ เช่น รถยนต์ เหล็กกล้า อิเล็คทรอนิคส์ โรงกลั่นน้ำมัน
ฯลฯ ทำให้ประเทศไทยเราอยู่กับยุคนี้มามากกว่า 20 ปี จนเห็นได้ว่าตัวเลข
GDP
หรือผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศเริ่มมีความถดถอยเพราะกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านเริ่มมีความสามารถในการผลิตและแข่งขันกับเราได้
ด้วยค่าแรงที่ต่ำกว่า!!!
       
ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ต้องปรับตัวหรือไม่ ให้ทันเกษตร 4.0   

 


ซึ่งนโยบายนี้พยายามที่จะให้ประชาชนทุกภาคส่วนได้มีส่วนร่วมได้ก้าวไปพร้อมๆ
กัน ไม่ว่าด้านการค้าขาย ด้านอุตสาหกรรม ด้านการเกษตร
การเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นนับแต่นี้ไป ซึ่งจะนำไปสู่วิสัยทัศน์แห่งอนาคตก็คือ
เปลี่ยนจาก 1. การเกษตรแบบดั้งเดิม (
Traditional Farming) ในปัจจุบัน ไปสู่การเกษตรสมัยใหม่ ที่เน้นการบริหารจัดการและเทคโนโลยี (Smart
Farming) โดยเกษตรกรต้องร่ำรวยขึ้น
และเป็นเกษตรกรแบบเป็นผู้ประกอบการ (
Entrepreneur)  2. เปลี่ยนจาก Traditional
SMEs หรือ SMEs ที่มีอยู่ที่รัฐต้องให้ความช่วยเหลืออยู่ตลอดเวลา
ไปสู่การเป็น
Smart Enterprises และ Startups ที่มีศักยภาพสูง 3. เปลี่ยนจาก Traditional Services ซึ่งมีการสร้างมูลค่าค่อนข้างต่ำ ไปสู่ High Value Services 4. เปลี่ยนจากแรงงานทักษะต่ำไปสู่แรงงานที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ
และทักษะสูงดังนั้นประชาชนคนไทย
จำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนแปลงปรับตัวพัฒนาสาขาอาชีพให้เกิดมูลค่าเพิ่ม (
Value
Added) และเรียนรู้การตลาดแบบดิจิตอล (Digital Marketing) เพื่อสร้างความแตกต่าง เช่น การผลิตพืชผักปลอดสารพิษ เกษตรอินทรีย์ทดแทนข้าว
หรือพืชผักที่ปลูกด้วยสารเคมี การแปรรูปน้ำผัก ผลไม้เพื่อสุขภาพ
แทนที่การขายวัตถุดิบแบบเดิมๆ ที่มีราคาต่ำ
ซึ่งหากไม่มีเปลี่ยนแปลงพัฒนาในอนาคตก็จะสู้กับประเทศเพื่อนบ้านไม่ได้
โดยเฉพาะกลุ่ม
CLMV และที่สำคัญจะต้องศึกษาหาตลาดตามโซเชียลเน็ทเวิร์คต่างๆ
เพื่อเป็นช่องทางกระจายสินค้าจากผู้ผลิตส่งตรงถึงผู้ซื้อ โดยไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง
รวมถึงการใช้เทคโนโลยีต่างๆ เช่น จีพีเอส ระบบเซ็นเซอร์ตรวจวัด อุณหภูมิ ความชื้น
คุณภาพดิน และโดรน เพื่อการฉีดพ่นปุ๋ย ยาต่างๆ
เข้ามาช่วยเพื่อความแม่นยำและรวดเร็ว ในการผลิตและช่วยบูรณาการให้แก่สาขาอาชีพที่เกี่ยวข้องสำหรับผู้ที่มีข้อสงสัยหรือต้องการคำปรึกษา
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้โดยตรงที่ 02 986 1680 -2

สนับสนุนบทความโดย
นายมนตรี บุญจรัส

กรรมการผู้จัดการ
บริษัท ไทยกรีน อะโกร จำกัด (ชมรมเกษตรปลอดสารพิษ)       

สอบถามข้อมูลข่าวได้ที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์
โทรศัพท์ 0 2000 8499
, 081 732 7889